AUSTRALIA Road Trip ขับรถตะลุยถิ่นจิงโจ้ EP3 (Final)

ขอเปิดด้วยภาพ Twelve Apostles เมื่อที่ไปมาเมื่อ EP ที่แล้ว

สำหรับ EP3 เรามาต่อกันที่ Day 7 – Day 9 ค่ะ ใครยังไม่ได้อ่าน EP แรกๆ กลับไปอ่านได้ที่

Day 1 – Day 3 https://wp.me/p6REJW-1aO
Day 4 – Day 6 https://wp.me/p6REJW-1e8

Day 1 12-13/04 โบยบินสู่ Sydney บินจากกรุงเทพไป Sydney และเที่ยวชมในเมือง Sydney
Day 2 14/04 กลับสู่ป่าเขาที่ Blue Mountain ท่องภูเขา ชมน้ำตก
Day 3 15/04 The Grand Pacific Drive ขับเลียบทะเล ชมความแกรนด์ของมหาสมุทร Pacific
Day 4 16/04 ขับมุ่งหน้าลงใต้ ไปดูแสงสุดท้าย Philip Island ตะบี้ตะบันขับกันต่อ ห้าร้อยกว่ากิโลที่ต้องฝ่าฝันไป
Day 5 17/04 ชิดใกล้ Wildlife ที่ Philip Island ไปส่องสัตว์ป่าที่บ้านเราไม่มี อาทิ จิงโจ้ โคอาล่า แกะ เพนกวิน
Day 6 18/04 Once in a lifetime…Skydiving โบยบิน 15,000 ฟุตเหนือน้ำทะเล ท้าทายกับความกลัวที่สุดในชีวิต
Day 7 19/04 The Great Ocean Road ทะเลที่สวยกว่าในจินตนาการ
Day 8 20/04 Sovereign Hill ครั้งหนึ่งฉันเคยขุดทอง ชมประวัติความเป็นมาและวิธีการขุดทองในยุค ‘ตื่นทอง’
Day 9 21/04 ลาจากที่ Melbourne มีหนึ่งวันต้องเก็บให้ครบ เดินให้ไขมันสั่นกันไปข้างหนึ่ง

 

Day 7 (19/04) The Great Ocean Road

วันนี้ตื่นตั้งแต่ตีห้า น้ำเนิ้มไม่อาบมันล่ะ ขับรถฝ่าหมอกไปถ่าย Sunrise ณ Twelve Apostles ชีวิตแฟนช่างภาพนี่ลำบากลำบนจังหนอ แถมต้องปลุกตัวช่างภาพอีกตั้งหากเพราะเมื่อวานมัวแต่ออกไปถ่ายดาวไม่ยอมหลับยอมนอน

The Great Ocean Road ภาค 2/2
Twelve Apostles (Sunrise)
วันนี้พระอาทิตย์ขึ้น 6:58 AM ทไวไลท์มา 6:31 AM พวกเรามาถึงตอนประมาณหกโมงครึ่งพอดี กลัวไม่ทันทไวไลท์เลยวิ่งหูตูบ ปรากฎว่าไม่มีช่างภาพที่ไหนมากันเลยซักคนเพราะเค้าคงรู้กันว่ามันไม่เห็นนนน แง่ว พอดีมุมมันยากอยู่ เลยต้องยืนหนาวรอพระอาทิตย์ขึ้น บทเรียนในวันนี้คือ (1) มาตอนพระอาทิตย์ขึ้นพอดีก็พอ (2) เตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปเยอะๆ

เมื่อกี้หันทางทิศตะวันออก คราวนี้หันทางทิศตะวันตกบ้าง

Gibson Steps
อยู่ห่างจาก Twelve Apostles ไม่มาก เดินไปยังได้ (แต่ถ้ามีรถก็ขับไปเหอะ) จะเป็นบันไดลงไปยังชายหาดที่มองเห็น Twelve Apostles บ้างบางส่วน

คุณสำลีบอกให้ไปยืนบนโขดหิน จะถ่ายภาพหญิงสาวบนหาดทรายให้ พอเห็นภาพแล้ว นี่คือ อินเดียนน่า โจนส์?

ขับไป Otway Lighthouse ปรากฎว่าเก็บค่าเข้านาจา 19 AUD (เดิมที่ดูรีวิวมามันฟรี) ด้วยความงกประกอบกับคำนวณความคุ้มค่าแล้วเลยตัดสินใจไม่เข้า เหอๆ เดี๋ยวได้เห็น Lighthouse ตั้งเยอะแยะ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ถนนมีการก่อสร้างเยอะ ยิ่งที่ The Great Ocean Road แล้วเจอตลอดทาง เดินทางช้าพอสมควร

Maits Rest Rainforest Walk
เดินป่าเฟิร์นล้านปี ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เดินครบ

ต้นยูคาลิปตัสพวกนี้สามารถขึ้นสูงได้มากกว่า 100 เมตร ตอนแรกไม่เชื่อ พอเห็นป้ายก็พยายามมองขึ้นไปหายอด สูงมว๊าก หายอดไม่เจอเลยทีเดียว

คุณสำลีบอกอยากได้ภาพแบบช่างภาพ National Geographic ตอนกำลังสำรวจธรรมชาติด้วยความลุ่มหลง อะ ถ่ายให้ ออกมาเป็นลูกมือชาวอินเดียที่ตามหอบของของอินเดียนน่า โจนส์

Apollo Bay Coastal Reserve
แวะกินข้าวกลางวันกันเล็กน้อย ถ้าใครหิวขอเชิญแถวนี้เลยจ้า


ได้เบอร์เกอร์หน้าตาน่ากินมาคนละชิ้น

Memorial Arch at Eastern View
ออกเดินทางกันต่อ

ป้ายทางเข้าเอาไว้ถ่ายอวดชาวโลกว่าเรามาถึง The Great Ocean Road แล้วนะเว้ยเห้ย

ระหว่างที่เราไปถึงมีฝรั่งกลุ่มหนึ่งพยายามไปยืนกลางถนนข้างล่างป้าย ถ่ายไปวิ่งหลบรถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงไปด้วย เสียงแตรสนั่นเลย พวกเราเอาแถวนี้พอเนอะ วิ่งช้า ป้าเหนื่อย พอเห็นฉันโดด มีฝรั่งคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนขึ้นมา “I wanna jump!” หว๋ายยย ลอกเลียนแบบ

รูปปั้นคนงานที่อยู่ข้างๆเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงคนงานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้สร้าง Great Ocean Road สายนี้ในปี 1932

Split Point Lighthouse
ขับต่อไปอีก 20 นาทีก็เจอ Lighthouse

เดินไปอีกนิดก็มีวิวสวยๆให้ถ่ายอยู่นะ

Brewery Tour @ Little Creatures
เหลือบดูเวลายังพอขับไปทันทัวร์โรงเบียร์ โทรไปเช็คแล้วว่าวันนี้มีทัวร์ เลยเปลี่ยนให้คุณสำลีขับเบิ่งไปโรงเบียร์ของ Little Creatures ในตัวเมือง Geelong แบบเฉียดฉิว สำหรับผู้สนใจ ตามไปดูข้อมูลกันที่ https://littlecreatures.com.au/locations/geelong/the-canteen/

เวลาทำการ: จันทร์-พฤหัส 11AM และ 3PMศุกร์-อาทิตย์ 11AM, 3PM และ 5PMยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

ราคา: 15 AUD

สถานที่: ไปรอได้ที่ the Creatures Canteen (ให้สวมใส่รองเท้าคัทชูที่ปิดนิ้วเท้า)

วิทยากรเล่าว่า การทำเบียร์เริ่มต้นด้วยการผสม น้ำ+Wheat+ Hobs (มิน่าถึงเป็นชื่อร้านเบียร์) = Wort หลังจากนั้นจะเอา Wort + Yeast = Beerเบียร์บนโลกนี้มีอยู่สองชนิด Lager และ Ale พวกสิงห์ ช้าง บ้านเราคือ Lager ส่วนเบียร์ที่เป็นที่นิยม (โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา) คือ Ale สำหรับฉัน อะไรก็ไม่อร่อยทั้งนั้น แป๋ว ขอไปซบอก cocktail และ vodka ดีกว่า

ตามด้วยการชิมเบียร์เก้าประเภทเก้าช็อต (ช็อตละครึ่งแก้วที่ปกติราคา 4 – 4.5 AUD) ทำเอาคุณสำลีตาเยิ้มเลย

[Airbnb] บ้านป้า Paula ที่ Geelong
กลับไปพักกับป้า Paula เหมือนเดิม กลับไปดูรีวิวได้ที่ EP 2 จ้า

 

Day 8 (20/04) Sovereign Hill ครั้งหนึ่งฉันเคยขุดทอง

ตื่นเช้ามากินอาหารที่ป้า Paula จัดเตรียมไว้ให้ (ไส้กรอกกับแฮมไปซื้อมาเพิ่มเติมเสริมโปรตีน)

ร่ำลาป้าเรียบร้อยก็ได้เวลาออกเดินทาง

Sovereign Hill
ขับรถจากบ้านป้ามาถึง Sovereign Hill ที่ตั้งอยู่ที่เมือง Ballarat ก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง กว่าจะต๊วมเตี๊ยมมาถึงก็เป็นเวลา 11:00AM แล้ว

สำหรับใครที่สนใจมาเยี่ยมชมประวัติศาสตร์การขุดทองสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ http://www.sovereignhill.com.au

เวลาทำการ: 10AM – 5PM (ช่วง daylight saving จะเปิดถึง 5:30PM)

ราคา: 57 AUD (ไม่รวม Gold Mine Tour 7.50 AUD และ Coach Rides 5.50 AUD)

เข้ามาแล้วก็กางแผนที่เตรียมลุยกันเลยค่ะ

Goldfields Tour (30 นาที)
เป็นทัวร์เดียวกับ Diggings Tour ในตอนบ่าย มีเจ้าหน้าที่แต่งกายเยี่ยงหญิงสาวในยุคตื่นทอง (gold rush) มาอธิบายประวัติศาสตร์ความเป็นมาของการขุดทอง

ในช่วงแรกๆที่ออสเตรเลีย ทองถูกขุดพบแต่ที่รัฐ New South Wales จนกระทั่งชายสองคนได้มาพบทองคำที่รัฐ Victoria ในแถบเมือง Ballart ซึ่งถือว่าเป็น Golden Triangle หรือสถานที่ที่มีการขุดพบทองมากที่สุดในโลก

Stage 1 หรือขั้นแรกเริ่มของยุคตื่นทองคือการใช้แรงคน ขุดทองที่อยู่บริเวณผิวๆของแผ่นดิน ต้องซื้อ license ให้ถูกต้องถึงจะขุดทองได้
Stage 2 ทองคำที่ิผิวๆเริ่มหมด ต้องทำการ deep mining โดยการขุดดิน clay หรือหิน quartz ออกมาบดและร่อน

ใครมีตังค์หน่อยก็จะไปจ้างบดโดยเครื่องบดที่ใช้แรงงานม้า

Stage 3 เริ่มมี mining company เข้ามา ช่วงนี้ใช้พลังงานจากเครื่องจักรไอน้ำ ปัจจุบันยังมีการขุดกันจริงๆ

Gold Panning (ลองได้ทั้งวัน)
กลางหุบเขา Sovereign Hill จะมีลำน้ำอยู่ซึ่งพวกเราสามารถไปลองร่อนทองกันได้

อย่าทำเป็นเล่นไป ยังมีการพบก้อนทองอยู่เรื่อยๆในปัจจุบัน แต่ถ้าเจอแล้วต้องรีบไปเสียตังค์ทำ license ประมาณ 20 AUD ไม่งั้นทองจะตกเป็นของรัฐบาลทันทีค่าทริปทั้งหมดขึ้นกับการเสี่ยงโชคครั้งนี้นี่แหละ

Gold Pour (20 นาที)
กิจกรรมที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดของวันนี้ นั่นก็คือการสาธิตการทำ gold smelting = purifying gold หรือการทำทองคำให้บริสุทธิ์นั่นเอง (ก้อนที่นำมาสาธิตมีมูลค่ามากถึง 170,000 AUD หรือ 4 ล้านกว่าบาท)

ขั้นแรกในการแยกทองออกมาจะใช้น้ำ ทองคำที่มีโมเลกุลหนักกว่าก็จะจมลมไปเป็นตะกอน (เริ่มวิชาการนิดนึงอย่าเพิ่งหลับบบบ) ส่วนขั้นที่สองจะใช้ Mercury ที่มีคุณสมบัติสามารถดูดซึมโมเลกุลของทองไว้ได้ จากนั้นจะเอาไปเผา Mercury ที่เป็นของเหลวก็จะระเหยออกเหลือแต่ทองคำไว้ (ควันของ Mercury มีพิษ เวลาเผาต้องเอาควันลงน้ำเพื่อให้มันรวมตัวเป็น Mercury แบบเหลวและนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก)

ณ ปัจจุบัน การใช้งานของทองคำเปลี่ยนไปจากเครื่องประดับ เป็นการใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

Red Hill Tour (12 นาที)
เป็นการเดินลงบันไดไปในเหมืองเล็กๆ จำลองเหตุการณ์ที่มีการค้นพบ Welcome Nugget ซึ่งเป็นทองคำที่มีน้ำหนักถึง 69 กิโลกรัมในช่วงตกต่ำของยุคตื่นทอง ถึงเป็นทองก้อนที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองจาก Welcome Stranger (97 กิโลกรัม) ที่ถูกค้นพบ 11 ปีถัดมาที่รัฐ Victoria เช่นกัน

Wheelwrighting (20 นาที)
สาธิตการทำล้อเกวียนจากไม้โดย Ed Sheeran ตัวปลอม อยู่ในโรงนาแต่แต่งตัวโคตรดี

ออกมาเป็นล้อแบบนี้

หลังจากไปดูเค้าเหลาล้อเกวียนแล้วก็แวะซื้อพายกินแถวร้านเบเกอรี่ รสชาติถือว่าพอประทังชีวิตได้

Blacksmith (10 นาที)
มาต่อกันที่โรงเหล็กจ้าไปดูเค้าตีเหล็กกัน

ลุงโม้ด้วยสำเนียงออสซี่ที่กระเหรี่ยงฟังไม่รู้เรื่องอยู่พักหนึ่ง เอาเหล็กไปเผาไฟ ตีปุ๊งป๊างก็ได้ตะขอมาหนึ่งอัน

อารมณ์สุนทรีย์มาก

Musket Firing (15 นาที)
สาธิตการยืนปืน แต่ก่อนอื่นขอเกริ่นความเป็นมาเล็กน้อย (เพราะยิงปืนเปรี้ยงเดียวจบมันจะไม่ครบ 15 นาที)ในยุคตื่นทอง มีปัญหาว่าทุกคนไปขุดทองกันหมด ไม่มีใครมาเป็นตำรวจรักษากฎหมาย รัฐบาลเลยไปเอานักโทษเดนตายที่อังกฤษส่งมาขังที่เกาะ Tasmania มาเป็นตำรวจ (ความคิดยอดเยี่ยมจริงๆ) โดยให้ค่าตอบแทนปีละ 22 AUD แต่เพื่อจูงใจให้ทำงานก็เลยให้รายได้ครึ่งหนึ่งจากการเก็บค่าปรับ ทีนี้เลยเป็นเรื่องเพราะพวกตำรวจพวกนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ค่าปรับหลักๆที่เก็บได้ก็มาจาก

  • เรียกดู license ฉีกทิ้ง แล้วหาว่าขุดทองโดยผิดกฎหมาย ชั่วจริงๆ
  • เอาเหล้าไปซ่อนที่ที่พักของคนมาขุดทองแล้วแสร้งทำทีไปค้นแล้วเจอ ซึ่งส่วนแบ่งค่าปรับนี่มากกว่ารายได้ทั้งปีด้วยซ้ำ

ตำรวจมีปืนอยู่สองแบบ ปืนเล็กที่ยิงแล้วมั่วมากกับปืนใหญ่ที่ยิงแล้วมั่วน้อยหน่อย

Gold Mine Tour (45 นาที 7.50 AUD)
ถ้าใครอยากไป Gold Mine Tour ขอแนะนำให้บุกไปซื้อตั๋วตั้งแต่ตอนที่มาถึงปุ๊บ เพราะทัวร์นี้ป๊อปปูล่าร์มาก เดี๋ยวรอบจะเต็มได้ง่ายๆ

ทัวร์นี้จะเป็นการนั่งรถรางลงไป 40 เมตร ยังสถานที่ที่เคยเป็นเหมืองจริงๆ เพื่อเยี่ยมชมวิธีการทำเหมืองอาทิเช่น

  • การใช้เสียงกระดิ่งสื่อสารกับคนควบคุมเครื่องจักรไอน้ำที่อยู่ข้างบน เช่น สั่นกระดิ่ง 3 ครั้งเอาเครื่องจักรขึ้น 2 ครั้งเอาลง
  • การใช้รถขนหิน quartz คือใช้คนแบกต่อไปคงไม่ไหว เพราะกว่าจะได้ทองซัก 1 ounce ต้องบดหินประมาณ 2 ตัน แม่เจ้า
  • ดูบางจุดที่ต้องขุดด้วยมือ ว่ากันว่าขุดกันจนง่อยเปลี้ยเสียขากันเลยทีเดียว

จริงๆการขุดทองก็เหมือนการเล่นหุ้นนะ แต่เสี่ยงสูงกว่านิดหน่อย แบบ either super rich or super poor เจอก็รวย ไม่เจอก็จนไปเลย เพราะค่าใช้จ่ายก็เยอะ แถมตอนที่มาขุดก็ไม่มีรายได้ทางอื่นอีกต่างหาก

คืนรถ ทำ claim
เราจะไปคืนรถที่สนามบินก่อนเข้าไปเที่ยวใน Melbourne กัน ก่อนคืนก็แวะต้องปั๊มน้ำมันใกล้ๆ เติมน้ำมันให้เติมถัง (ห้ามพลาดเรื่องนี้เพราะจะถูกชาร์ตลิตรละ 4 AUD เลยทีเดียว) เคลียร์ของให้เรียบร้อย มองรอยกระจกร้าวด้วยความอาลัยแว๊บเดียว ก่อนขับเขาสนามบิน ทริกเล็กๆน้อยๆคือการหาปั๊มให้ห่างจากสนามบินหน่อย เพราะยิ่งใกล้สนามบินค่าน้ำมันก็จะยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ ปั๊มหน้าสนามบินฟาดไป 1.5 AUD/L แหนะ

ปกติคืนรถก็ไม่ค่อยยุ่งยาก แค่ขับไปจอด ยกของออก และคืนกุญแจแค่นั้น แต่เพราะพวกเราไปทำรถเค้ามีรอยมา เลยถูกเชิญไปตัดสินโทษตามระเบียบ

สำหรับค่ากระจกโดนไปทั้งสิ้น 250 AUD ฮืออออ พอมีค่า excess แบบนี้ขึ้นมาก็ต้องจ่ายเงินทั้งหมดด้วยบัตรเครดิตไปโดยปริยาย (จากแรกเริ่มตั้งใจว่าจะจ่ายโดยเงินสด)

Skybus เข้าเมือง
สำหรับใครที่จะเดินทางเข้าเมือง Melbourne จากสนามบินตามมาทางนี้ ให้ทุกท่านซื้อตั๋ว Skybus หน้า Terminal 3 ไปกลับในราคา 37 AUD (หรือถ้าเที่ยวเดียวจะอยู่ที่ 19.5 AUD) แล้วก็กระโดดขึ้นรถได้เลย โดยรถจะมาปล่อยที่ Southern Cross Station

[Airbnb] ห้องพักในคอนโดหรูของสาวจีน Yolanda ใจกลางเมือง Melbourne
กัดฟันจ่ายราคาแพงขึ้นหน่อย 2707.75 บาท เพื่อประโยชน์ด้าน location ที่อยู่ใน free tram zone (คือขึ้นรถ tram ฟรีได้ทุกสายที่อยู่ใน zone นี้) ที่พักอยู่ตรงข้าง Southern Cross Station เลย เรียกได้ว่าลงจาก Skybus ข้ามถนนมาแล้วก็เจอตึกเลย ห้องอยู่ที่ชั้นสูงพอสมควร ค่อนข้างเล็กแต่ก็ไม่ได้มากจนอึดอัด ห้องน้ำสะอาดสะอ้านใช้ได้ Yolanda ก็รับฝากกระเป๋าในวันถัดไปด้วย โดยรวมถือว่าคุ้มค่าราคาเลย

ตามไปพักกันที่ลิงค์ https://www.airbnb.com/rooms/20874348

มื้อดึกที่ China Town
พวกเราขึ้นรถ Tram ฟรีไปหาอะไรกินที่ China Town โดยใช้ Google Maps นำทางไป (เวิร์คมาก บอกสายรถ tram ด้วย)

Tram บ้านเค้ายาวเฟื้อยเบย

เนื่องจากเป็นเย็นวันศุกร์ คิวแต่ละร้านค้าค่อนข้างยาว (โดยเฉพาะร้านติ่มซำ สงสัยคงอร่อยมาก) พวกเราเดินหาไปหามาก็มาตกลงปลงใจที่ร้าน Nando’s นี่แหละ กินขนาดนี้ตอน 4 ทุ่ม กลับไทยต้องเข้าคอร์สลดความอ้วนกันยาว

 

Day 9 (21/04) ลาจากที่ Melbourne

หลังจากมีรถมา 8 วัน วันนี้ก็ได้เวลาออกกำลังกายเดินเสริมกล้ามขากันแล้ว เริ่มด้วยที่แรกของเรา

Queen Victoria Market
ตลาดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปีของบ้านเขา แต่มันก็คือจตุจักรของบ้านเราก็ว่าได้ เดินมาไกลซัดเข้าเช้าสไตล์คน Melbourne กันก่อนเลย

ที่นี่มีขายตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ (เว่อร์ปาย) ที่สำคัญที่สุดคือมีของฝากขาย พวกพวงกุญแจ แก้ว ตุ๊กตา ในราคาย่อมเยาว์ โหย เลือกอยู่ 2 ชั่วโมง เงยหน้ามาอีกทีจะเที่ยงแล้ว

State Library of Victoria
ถึงแล้วห้องสมุดประจำรัฐ Victoria

มีกระดานหมากรุกขนาดใหญ่พร้อมให้มาดวลกันทุกเมื่อ จริงๆข้างในก็มีบริเวณที่เค้าเล่นกันจริงๆจังๆหลายกระดาน ข้างนอกน่าจะเอาไว้ให้คนเก๋าๆมาประลองท่ามกลางสายตาชนหมู่มากกัน อย่างเท่อ่ะ ว่าแต่ พี่จะเครียดไปไหนค่ะ

ข้างในอย่างอลัง ห้องสมุดกรุงเทพแทบชิดซ้ายไปไม่ทัน (แต่ก่อนตอนไม่มีอินเตอร์เน็ตไปห้องสมุดนะจ๊ะ เห็นไม่มีสาระแบบนี้)

Lunch @ downtown Melbourne
แวะซื้อชานมไข่มุก จะลงแดงตายไม่ได้กินมาสิบวัน กัดฟันซื้อไปในราคาไม่แพงเล้ยย 6 AUD 150 บาท อยู่ไทยซื้อได้ 3 แก้วอ่ะ

อิ่มและหนาวจากการกินชานมไข่มุกเย็นๆเลยอยากหาอะไรร้อนๆและไม่เยอะมากกินตอนกลางวัน ไปเจอร้าน Little Ramen Bar

ไหนเมิงบอก Little ชามใหญ่กว่าหน้าบานๆกุอี้ก อ๋อ มันจะสื่อว่าร้านมันเป็นบาร์เล็กๆนะ ไอ้พวกไม่สันทัดอังกฤษก็ตีความว่าชามเล็ก

Flinder Street Station & St Paul’s Cathedral
Flinder Street Station เป็นสถานีหลักในตัวเมืองที่กระจายรถไฟไปตามสายต่างๆ ทั่วเมลเบิร์น

โบสถ์ St Paul’s Cathedral ในความรู้สึกฉัน พอผ่านรัสเซียมาแล้ว โบสถ์ที่ไหนก็ไม่สุดเท่า

ข้างๆโบสถ์ที่ถ่ายออกมาถ่ายกว่าข้างหน้า

Graffiti Lane
เดินผ่านโบสถ์ St Paul’s Cathedral ไปเรื่อยๆ บนถนน Flinder จะเจอตรอกแห่งความร๊อค

เถื่อนมากกกสำลีน้อยของฉัน

Parliament, St. Patrick, & Fitzroy Gardens
รัฐสภา Parliament มีคนมาประท้วงด้วย ตำรวจที่มาดูแลความสงบเรียบร้อยมีปรายตามองขณะที่พวกเรากำลังหามุมถ่าย

โบสถ์ St.Patricks

สวน Fitzroy Gardens

ที่นี่มีบ้านกัปตันคุก คนที่ค้นพบออสเตรเลียด้วยนะ

Yarra River
ที่สุดท้ายของวันนี้และทริปนี้ เดินไปริมตลิ่ง Yarra River

นั่งพักดูสายน้ำอยู่ครู่

มื้อสุดท้ายในออสเตรเลียก่อนไปเอากระเป๋าเพื่อไปสนามบิน KFC ที่กินไปมากกว่า 4 รอบในรอบสิบวันนี้ + น้ำสเลอปี้ยอดนิยมในออสเตรเลีย (ถูกด้วย 1 AUD เอง) + ซอสมะเขือเทศซื้อเองจาก supermarket

กลับเห้อะ ป่านนี้อีเมลค้างอยู่ใน inbox เป็นร้อยแล้วมั้ง บัยบาย ออสเตรเลีย หวังว่าจะได้มีโอกาสกลับมาใน 3 ปีนะ (จะได้ไม่ต้องขอวีซ่ากันใหม่) ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตรงนี้ค่ะ

2 comments

  1. อ่านสนุกมากค่ะ รีวิวละเอียดดีจังเลยค่ะ กำลังจะไปช่วงสงกรานต์ปีหน้า จะไป Melbourne Great Ocean Road Ballarat เช่ารถขับเหมือนกันค่ะ กลัวอย่างเดียวคือกลัวฝนตกเยอะ อยากให้อากาศดีๆค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนะคะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*