Hong Kong – Macau ตอนที่ 5 : สู่มาเก๊า เปิดตำนานการหลง

มาถึง post นี้จะพาเพื่อนๆนั่งเรือจากฮ่องกงข้ามไปยังมาเก๊า สัมผัสวัฒนธรรมจีนผสมโปรตุเกส ทั้งยังตามมาด้วยการหลงกลางดึกอันสุดระทึก พร้อมแล้วไปด้วยกันเลย

แผนการท่องเที่ยวคร่าวๆของวันที่ 4 (13 ธันวา 2556)

07:00  Breakfast @ Hung Lee
08:00   วัด Wong Ta Sin
09:00   Chi Lin Nunnery (วัดนางชี) + สวน Nan Lian
11:00   Sky 100 observation deck
12:00   Lunch @ Guangdong Barbeque Restaurant
14:00   ขึันเรือ TurboJet ไปมาเก๊า
16:00   Check In @ Ole London Hotel
16:30  เส้นทางมรดกโลก (วัดอาม่า ถึง St.Augustine’s Church)
19:00  Senado Square
19:30  Dinner @ Wong Chi Kei
20:30  คาสิโน Wynn

วันนี้โลภไปหน่อย ตารางเอี้ยดเลย แหะๆ จากที่ตั้งใจว่าจะออกตั้งแต่ 7 โมง กลับกลายเป็นว่าเพิ่งตื่นตอน 7 โมง T^T กว่าจะเก็บของ check out เสร็จก็ปาไป 8 โมงกว่าๆแล้ว เนื่องจากเราจะไปท่องเที่ยวทิ้งทวนกันในฮ่องกงตอนเช้า ก่อนมุ่งสู่มาเก๊าตอนบ่าย เลยต้องฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน

มาคิดๆดูแล้วสรุปได้ว่า อาหารที่กินแล้วประทับใจสุดๆในฮ่องกงคงหนีไม่พันโจ๊กกับหมูแดง วันนี้เลยจัดกันไปอย่างละมื้อ โดยตอนเช้าเราจะไปกินโจ๊กกันก่อนที่ Hung Lee อยู่ที่ Hau Fook Street ในย่านจิมซาจุ่ย อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเลย เดินงมสักพักก็เจอโดยไม่ต้องถามใคร แหม ภูมิใจ จักรยานที่จอดไว้หน้าร้านเป็นคันเดียวกับที่เคยเห็นในรีวิว

1391865009-228DSC0573-o

ไร้ปัญหาเรื่องการสั่งอาหารแบบที่แล้วๆมา ทางร้านมีเมนูภาษาไทย เยสสสสสส

1391865026-229DSC0573-o

ขณะที่ฉันกำลังปรึกษากับคุณสำลีว่าจะกินอะไรกันดี ก็รู้สึกว่ามีคนเรียกเราอยู่ เงยหน้าขึ้นมา เฮ้ย เจอเพื่อนสมัยมหาลัยนั่งกินโจ๊กอยู่กับครอบครัวอยู่โต๊ะข้างๆที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว แต่หน้าจีนกันมากเลยไม่ได้สังเกต นึกว่าเป็นคนฮ่องกง เออเนอะ อยู่กรุงเทพไม่เคยเจอ ดันมาเจอที่ฮ่องกง  โลกกลมดีแท้ แม่เพื่อนแอบกระซิบมาว่าปาท่องโก๋สั่งจานเดียวพอเพราะมันเยอะ ตัวมันยาว

เค้าว่ากันว่าโจ๊กตับนี่ A Must ก็จัดมา ราคาประมาณ 40 HKD (แพงกว่า Sea View Congee ค่อนข้างเยอะ)

1391865052-230DSC0573-o

ให้ 3/5 

โจ๊กที่นี่ไม่ได้ละเอียดขนาด Sea View Congee และความกลมกล่อมยังสู้ไม่ได้ แต่ตับเค้าทำนุ่มจริงๆ เด้งดึ๋งในปากเลย confirm

เนื่องจากมีความทรงจำที่ดีมากกับปาท่องโก๋ ไม่รอช้าสั่งมาเลย ราคาอยู่ที่ประมาณ 10 HKD

1391865075-231DSC0574-o

2.5/5 ดาว

เหนียวง่ะ ผิดหวังมาก เหมือนทอดทิ้งไว้นานแล้ว ปาท่องโก๋ที่บ้านยังอร่อยกว่า เลิกพูดถึงดีกว่า แง

ตบท้ายด้วยน้ำเต้าหู้ 9 HKD

1391865094-232DSC0573-o

2/5 ดาว

เอามา confirm ว่ามันสู้น้ำเต้าหู้บ้านเราไม่ได้จริงๆ รสชาติมาแนวเดียวกับ Sea view Congee เลย แต่ที่นี่ถูกกว่า น้อยกว่า เสริฟมาเป็นแก้ว

สรุปคะแนนมื้อนี้ 3.5/5 ดาว แบ่งเป็น

ความอร่อย             2.5/5           (ไม่ฟินซักกะอย่าง แง)
สถานที่                       4/5            (สะอาดใช้ได้ แต่ค่อนข้างเล็ก)
การบริการ                4/5            (ใส่ใจใช้ได้ค่ะ รู้ด้วยว่าเป็นคนไทย รีบเอาเมนูไทยให้ใหญ่เลย)
ราคา                         3.5/5          (โจ๊กแอบแพง แต่อย่างอื่นโอเคนะ)

จริงๆตามแผน ที่แรกคือวัด Wong Ta Sin แต่เนื่องจากสายอีกตามเคย เลย skip ไปวัดนางชีและสวน Nan Lian กันเลย วิธีการไปคือนั่งรถไฟฟ้าไปที่สถานี Diamond Hill แล้วออก Exit C2

ภาพนี้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างวัดนางชีกับสวน Nan Lian เราจะเข้าไปชมวัดนางชีกันก่อน

1391865250-233DSC0517-o

เข้าไปในบริเวณวัด กว้างขวางอลังการทีเดียว ช่วงเช้านี้คนยังไม่เยอะ อาจเพราะเป็นวันธรรมดาด้วย

1391865268-234DSC0518-o

 

 

วัดนี้จะตกแต่งด้วยไม้ดัด (จริงๆฉันก็ไม่รู้ว่าเค้าเรียกกันว่าอะไร) แต่เป็นต้นไม้ที่เอามาตัดแต่งให้เหมือนทอดมันปลากรายหลายชิ้นเสียบไม้เดียวกันไว้

1391865405-235DSC0577-o

ขนาดเฟื่องฟ้ายังตัดเป็นรูปนี้ ไม่ยักกะรู้ว่าทำได้  อันนี้เริ่มเหมือนเอาต้นไม้ใหญ่มาย่อส่วน

1391865425-236DSC0578-o

บ่อบัวที่อยู่ในบริเวณวัด สวยจุง

1391865448-237DSC0577-o

ถ่ายอออกมาจากตัววัด หันหน้าไปทางประตูที่เดินเข้ามาเมื่อกี้ อลังเว่อร์ กว้างจนอยากจะตั้งกล้องถ่ายรูปตอนกระโดดแต่มันไม่ควรเน้อ

1391865484-238DSC0521-o

ภายในตัววัดห้ามถ่ายรูป เดินดูพร้อมฟังเสียงพระสวดก็สงบดี แต่ไม่รู้เค้าสวดกันที่ไหน เอ๊ะ แต่ทำไมเป็นเสียงพระผู้ชาย อันนี้มันวัดนางชี ชื่อก็บอก งง ถามคุณสำลีก็ได้ความว่า เธอไม่รู้จักเทปหรอ เงิบ ได้แต่เถียงในใจว่า เดี๋ยวนี้เค้าใช้ CD กันย่ะ

เดินกันไปต่อที่สวน Nan Lian ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พอไปถึงเมียงๆมองๆก็คิดว่าเล็กแน่ๆ เพราะถูกต้นไม้บังหมด

ลงไปเดินจริงๆ โอ้ว ใหญ่โต แชะแรกที่เก็บมาได้ค่ะศาลาสีทองสะพานแดงที่เห็นตามรีวิวบ่อยๆ ข้างหลังเป็นวิวตึกสูงที่ตัดกันเสียนี่กระไร เค้าเอารั้วกั้นไม่ให้เข้าไป เลยได้แต่เมียงมอง

1391865509-239DSC0526-o

ถังขยะยังงดงามซะขนาดนี้ ใครจะทิ้งลง

1391865524-240DSC0580-o

มีที่ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ระหว่างรอคุณสำลีปลดทุกข์

1391865541-241DSC0580-o

เจอโรงไม้ ไว้ทำอะไรจำไม่ได้ค่ะ ไปชะโงกดูมานะแต่ลืม ฮ่าๆ

1391865563-242DSC0580-o

บ่อปลาคาร์ฟขนาดใหญ่ สวยยยยยยมั่ก

1391865577-243DSC0524-o

ทางเดิน สะอาด ร่มรื่น โอ้ยชอบบ

1391865606-244DSC0523-o (1)

สรุปคะแนนวัดนางชีและสวน Nan Lian

5/5 ดาว

ชอบจริงๆ กว้างๆ โล่งๆ สวยๆ มีลมเย็นๆพัด เดินแล้วสบายใจอย่างรุนแรง ใครที่ชื่นชอบต้นไม้หรือชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ ความสวยงามนี่ ต้องมาให้ได้นะ เป็นสวนแบบจีนๆที่สวยอย่างน่าตื่นตะลึงทีเดียว

ต่อไปเราจะนั่ง  MTR ไปที่สถานี Kowloon เพื่อไปดูวิวมุมสูงกันที่ Sky100 observation deck

หลังจากเปลี่ยนขบวนจนมึน เราก็มาถึงสถานีเกาลูน ซึ่งจะมีทางเชื่อมต่อไปที่ห้าง Element โดยที่ทางเข้า Sky 100  observation จะอยู่บนห้างนี้

1391865716-245DSC0584-o

หาอยู่ไม่นาน ก็เจอทางเข้า Sky 100 ที่ว่า (ไม่แน่ใจว่าชั้น 2 หรือ 3 แต่จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ เดินมั่วๆยังเจอ)

1391865739-246DSC0584-o

คนโล่งมากกกกก ฉันเลยแอบดีใจ รีบเดินเข้าไปเอาบัตรที่ซื้อมาจากไทยไปแลกเป็นบัตรจริง พนักงานต้อนรับส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้แล้วบอกว่าตอนนี้หมอกลงจัด ทัศนวิสัยแย่มาก เห็นได้ประมาณ 3700 เมตร (ถ้าดีนี่คงจะเป็นหมื่น) ค่อยมาวันหลังก็ได้นะคะ (นั่นไง ว่าแล้วว่าทำไมคนโล่ง)

ฉันลองไลน์ไปหาทางพี่ที่ขายตั๋วมาให้ แจ้งสถานการณ์ให้ทราบว่า ฉันอยู่ฮ่องกงวันสุดท้าย และทัศนวิสัยไม่ค่อยดี พี่เค้าดีมาก เข้าใจและบอกว่าจะรับซื้อคืนที่ 420 บาท (จาก 470 บาท) ระหว่างที่ตัดสินใจอยู่ คุณสำลีก็บอกว่า ไหนๆก็มาถึงนี่แล้วก็ขึ้นไปดูว่ามันไปยังไง ก็เลยตัดสินใจขึ้นไปกัน

ระหว่างที่ขึ้นลิฟต์ไป เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนของลิฟต์ จะเป็นรูปท้องฟ้าและมีเวลาบอกว่าใช้เวลาไปเท่าไหร่แล้วในการขึ้นมา ลิฟต์ที่นี่ เร็วจนหูอื้อเลย ใช้เวลาขึ้นไป 100 ชั้นในเวลา 60 วินาที (เร็วกว่าลิฟต์โรงแรมขึ้นแค่ 9 ชั้นเป็น 3 เท่า)

1391865861-247DSC0585-o

สุดยอดแห่งความโล่ง

1391865903-248DSC0586-o

หมอกหนาซะจนท้อ แต่คุณสำลีก็ยังตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูปต่อปาย ปล่อยให้ฉันวิ่งเล่นอยู่คนเดียว

1391865920-249DSC0586-o

แง่ม ไปขโมยรูปมาซะเลย (ของตัวเองเละทุกภาพ 555)

1391865941-DSC05334-o

ที่นี่มี café ให้นั่งดริงค์ชมวิวมุมสูงด้วย

1391865965-250DSC0586-o

ใส่ใจขนาดบอกรายละเอียดของเวลาพระอาทิตย์ตกดิน

1391865978-251DSC0586-o

ตึกนี้สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลกเชียว (อ้าว IFC2 ไปไหน นึกว่าสูงสุดของฮ่องกง แป่วววววววว) ว่าแต่ทำไมต้องแยกตึกแฝดปิโตรนัสออกจากกันเป็นลำดับที่ 6 กับ 7 ด้วย งี้ตึกอันดับที่ 11 คงน้อยใจตาย เกือบจะได้ขึ้น TOP 10 แล้วววว

1391865997-252DSC0532-o

สรุปคะแนน Sky 100 observation deck

1.5/5 คะแนน

คะแนนเหล่านี้มาจากการบริการของพนักงานล้วนๆ ชื่นชมที่เค้าเตือนเราก่อนว่าอย่าขึ้นไป หมอกมันเยอะ มองไม่ค่อยเห็น (แต่ก็มาแล้วอ่ะ TT) ส่วนเรื่องหมอก ช่วงที่ไปมันลงทุกวันเลย จะหลีกเป็นวันอื่นคงไม่ได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ แนะนำแค่ว่าอย่าเพิ่งซื้อตั๋วไปล่วงหน้าจะดีกว่า ไปซื้อที่นั่น ถึงจะแพงกว่าเกือบ 200 บาท แต่ได้ดูสภาพอากาศก่อนตัดสินใจซื้อ

หลังจากผิดหวังกับวิวมุมสูงกันแล้ว เรากลับมาเอากระเป๋ากันที่โรงแรม ลงสถานี Tsim Sha Tsui มา เห็นร้านเบเกอร์รี่น่ารักๆหลายร้าน สาวๆรุมกันอยู่ตรึม เลยชวนคุณสำลีไปวี๊ดว๊ายกับเค้าด้วย

พอดีเค้าห้ามถ่ายรูป จำไม่ได้ว่าร้านไหนด้วย 555

ชิ้นแรกพุดดิ้งมะม่วง ราคาประมาณ 20 HKD คุณสำลี’s request

1391866208-253DSC0537-o

4/5 ดาว

อร่อย ฟินใกล้เคียงกับทาร์ตไข่เมื่อวานทีเดียว ความเปรี้ยวของแยมมะม่วงที่อยู่ข้างบน ตัดกันได้ดีกับความนุ่มหวานละมุนของพุดดิ้งที่อยู่ข้างล่าง ชอบที่มันไม่หวานจัดจนเกินไป

เมนูที่สอง ทาร์ตมะม่วง ราคาอยู่ที่ 20 HKD request ของฉันเอง

1391866235-254DSC0588-o

2.5/5 ดาว

ไม่ค่อยอร่อยเท่าที่ควร แป้งทาร์ตออกเหนียว รสชาติไม่ละมุนถูกใจนัก โดนพุ้ดดิ้งกลบซะหมด

ก่อนเข้าโรงแรม ท้องก็ร้องโครกครากพอดี เลยพากันไปกินหมูแดงที่ร้าน Guangdong Barbecue Restaurant ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ถึงตอนนี้คุณสำลีเปรยออกมาว่า เธอช่างเลือกที่พักในแหล่งของกินจริงๆ (555 ระดับนี้แล้ว)

1391866265-255DSC0587-o

เนื่องจากยังติดใจหมูแดงฮ่องกงอยู่ก็จัดมา เมนูแรก หมูแดงราดข้าว จานละ  58 HKD อ๊าก แพงกว่ามิชลินเป็น 10 HKD ถ้าไม่อร่อยกว่านะ  แง่ม

1391866285-256DSC0588-o

ให้ 3.5/5 ดาว

มิชลินทิ้งไม่ติดฝุ่น แต่ก็ยังถือว่าอร่อยใช้ได้ หมูนุ่มๆ ไม่เลี่ยนมาก แต่น้ำราดน้อยไปหน่อย

อีกเมนูที่สั่งคือข้าวราดหมูกรอบ จานละ 56 HKD อยากจะรู้ว่าหมูกรอบที่นี่จะกรอบอร่อยปานฉะไหนหนอ

1391866316-257DSC0588-o

เอาไปเลย 1/5 ดาว

เหตุเพราะผิดหวังมากกกกกกกก ไม่เคยฝืนกินหมูกรอบที่ไหนเท่าที่นี่มาก่อน ส่วนไขมันเยอะมาก เกินครึ่งของทั้งหมด ส่วนที่กรอบๆก็ไม่กรอบ ติดจะแข็งด้วยซ้ำ แล้วมาแห้งๆ ให้กินกับมัสตาร์ด งง กินไม่เป็น 555

สรุปคะแนนมื้อนี้ 2.8/5 ดาว แบ่งเป็น 

ความอร่อย             2.25/5        (ไม่ฟิน เทียบกับราคาถือว่าไม่คุ้มเอาซะเลย)
สถานที่                         4/5          (สะอาดใช้ได้ กว้างขวางดี)
การบริการ                    3/5         (ใส่ใจพอประมาณ พอสื่อสารได้ ฉันหาหมูแดงราดข้าวไม่เจอ อธิบายให้พนักงานฟังว่าอยากได้ประมาณนี้ เค้าก็เข้าใจ รู้สึกว่าจะมีเมนูภาษาไทย แต่จะไม่ครบเหมือนภาษาจีน)
ราคา                              2/5         (แพงอ่ะ แล้วคิด service charge อีก ทั้งหมดเสียไปตั้ง 128 HKD ถามหน่อย เจ๊บริการไรหนู!?! แพงแล้วพาล 555)

ออกมาเดินย่อยแถว Tsim Sha Tsui เห็นเค้าว่ากันว่าเครื่องสำอางที่นี่ถูกก็อยากจะได้มาครอบครองซักชิ้น อิอิ แรกเริ่มเดิมทีเข้าร้าน Watsons แพงกว่าไทยอีก O.O ลองเดินเข้าร้าน SaSa อันลือชื่อ โอ๊ะโอ ถูกมว๊าก เลยจัด eye liner  มาสองอัน ขีดกันจนถึงชาติหน้า ถูกกว่าไทยเป็น 100 บาท คุณสำลีมองหน้าทำตาปริบๆแล้วถามว่ามันใช้ทำอะไร หึๆๆๆ เคล็ดลับในการมีตาของเดี๊ยนเอง

นอกจาก SaSa แล้ว อีกร้านหนึ่งที่เห็นเยอะทั้งในฮ่องกงและมาเก๊าคือร้านจิลเวอร์รี่ที่ชื่อว่า Chow Tai Fook ฉันก็ได้แต่สงสัยว่าคนที่นี่ต้องชอบใส่เครื่องประดับหรือซื้อเครื่องประดับเป็นของขวัญแน่ๆ เพราะสังเกตจากการแต่งตัวของชาวฮ่องกงแล้ว จะมีเครื่องประดับด้วยตลอด (ขออภัย รูปง่อยไปนิด)

1391866564-258DSC0588-o

คิดขึ้นมาได้ว่ายังไม่มีของฝากไปให้ครอบครัวกับคนรู้จัก (ที่เค้ารู้ว่าเรามา) เลยพากันเดินหาร้านหมูแผ่น Bee Cheng Hiang สาขา Tsim Sha Tsui ปรากฏว่าของขายหลากหลาย และเยอะกว่าสาขา Causeway Bay ทั้งยังได้เห็นเค้าย่างหมูกันที่หลังร้านด้วย ดูจากบรรยากาศแล้ว คงอบน่าดู

1391866600-259DSC0589-o

หมดเงินกันไปคนละเกือบพันบาท (มันแพงจริงเลยน้า หมูเนี่ย) ก็รีบกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมเพราะต้องไปมาเก๊าต่อ ขณะนี้เลทกว่าที่วางแผนไว้ประมาณชั่วโมงกว่าแล้ว (มัวแต่เดินลั่นล้าหาหมู)

เรานั่ง MTR ไปที่สถานี Sheung Wan ที่เป็นที่ตั้งของท่าเรือเฟอร์รี่ อย่าลืมแลกบัตร MTR กลับที่สถานีด้วยนะ (เค้าจะยึดเงินเราไป 9 HKD เพราะใช้ไม่ครบ 3 เดือน)

เดินตามหาท่าเรือเฟอร์รี่อยู่นาน (จริงๆมันอยู่ในห้างที่โผล่ขึ้นมาตั้งแต่แรก แต่เราเดินออกมาด้วยความไม่รู้) ในที่สุดก็เจอ ที่ขายตั๋วให้อารมณ์เหมือนเคาน์เตอร์รถทัวร์บ้านเรา บัตรชั้นประหยัดราคา 159 HKD

1391866627-260DSC0540-o

เมื่อได้บัตรแล้วก็เดินข้ามสะพานไปขึ้นเรือเลย ออกทุก 15 นาที พอไปถึงเค้าจะมีแปลนที่นังให้เราชี้  แล้วเจ้าหน้าที่จะแกะสติกเกอร์ (ในผังที่นั่งนั่นแหละ) มาแปะที่บัตรให้เลย เจ๋งมาก

1391866665-261DSC0541-o

เมื่อเข้ามาในเรือ ให้ถามเจ้าหน้าที่ว่าวางกระเป๋าตรงไหน ในกรณีเราเค้าจะให้วางที่ชั้นล่าง (ชั้น Premium มี Wifi และอาหารเสิร์ฟ) และค่อยขึ้นไปนั่งชั้น Economy ข้างบน อันนี้ภาพบรรยากาศในเรือ คนเดินกันให้ขวักไขว่

1391866686-262DSC0590-o

นั่งปุ๊บ คุณสำลีที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็เอาแผ่นพับแผนผังเรือและพวกอุปกรณ์ช่วยชีวิตมาศึกษาปุ๊บ นางกลัวยิ่งกว่านั่งเครื่องบินอีกนะเนี่ย

1391866702-263DSC0590-o

โบกมือบ๊ายบายฮ่องกงไม่ถึงสองชั่วโมงดี ก็ได้มาเซย์ฮัลโหลกับมาเก๊าแล้ว ตม.ที่นี่ไม่ได้ตรวจเข้มมาก แป๊บๆก็ผ่านมาได้

ภารกิจต่อไปของเราคือการหาทางไปโรงแรม Ole London Hotel ที่จองไว้ คว้าแผนที่มาเก๊าแถวๆนั้นมาแผ่นแล้วก็ลุยกันเลย

จากที่ดูอากู๋มา จากท่าเรือเราต้องขึ้นสาย 10, 10A ลงป้าย Praca Ponte Horta จุดสังเกตคือตู้ไปรษณีย์สีแดงใบโตๆ เห็นปุ๊บให้ลงเลย (อันนี้คุณสำลีถามเราเหมือนกันว่ามันจะมีแค่ตู้เดียวหรือไง เงิบเลย แต่เท่าที่ไปมาเห็นแค่ตู้เดียวจริงๆน้า)

รถเมล์มาเก๊ามีหลากหลาย มีเก่าๆไม่ติดแอร์บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะติดแอร์เหมือนรถเมล์แอร์บ้านเรา ที่นี่ใช้เงินฮ่องกงได้ เวลาจ่ายค่ารถเมล์ต้องเตรียมพอดีเพราะเค้าจะไม่ทอน ฉันก็จ่ายเกินทุกที แต่แอบเห็นคนมาเก๊าจะมีบัตรเหมือน Octopus ไว้ติ๊ดเพื่อจ่ายเงิน ดูสะดวกดีเหมือนกัน สำหรับค่ารถเมล์ในการไปโรงแรมในครั้งนี้คือ 3.2 MOP

รถเมล์ที่นี่ดีอย่างคือมีป้ายบอกว่าจะจอดที่ไหนต่อไปเหมือนรถเมล์ฮ่องกง ไม่งั้นต้องลำบากกว่านี้แน่เพราะชื่อสถานที่ที่นี่เป็นภาษาโปรตุเกสที่ออกเสียงไม่เหมือนภาษาอังกฤษ จังหวะนี้ก็ใช้อ่านแล้ว match เอาเป็นคำๆอย่างเดียว

1391866767-264DSC0544-o

รถขับมาเรื่อยๆ ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร อาจเพราะเป็นช่วง 5 โมงเย็นพอดี ในที่สุดก็ผ่านตู้ไปรษณีย์สีแดงตามที่เคยเห็นในรีวิวต่างๆ รถจะจอดให้ลงเลยไปอีกนิด เราต้องเดินย้อนกลับมา

1391866789-265DSC0592-o

เย้ ถึงแว้ว ในที่สุด

1391866812-266DSC0597-o

ไปถึงก็ติดต่อยื่น passport ที่เคาน์เตอร์โลด เค้าจะให้มัดจำค่ากุญแจ 200 MOP ฉันจองมากับ Agoda เลือกไว้ว่าขอชั้นสูงๆ ก็ได้ซะสูงเลย ชั้น 1 =.=

1391866837-267DSC0611-o

แอบถ่ายห้องอาหารเล็กน้อย จัดซะน่ารักเชียว

1391866855-268DSC0610-o

ไปถึงห้องพัก คราวนี้ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปไว้ก่อน กว้างขวางเหมาะสมกับ 4,000 บาทที่จองมา (ถ้ามาวันอื่นที่ไม่ใช่ศุกร์เสาร์มันจะเหลือแค่ 3,000 บาท T^T) เค้าว่ากันว่าเตียงคู่จะได้ห้องกว้างกว่าเตียงเดี่ยว

ที่นี่เสียอย่างคือใช้แสงสีส้ม แล้วไฟค่อนข้างน้อย ไม่สว่าง

1391866889-269DSC0545-o

มีโต๊ะเครื่องแป้ง ทีวี กาต้มน้ำ ไดร์เป่าผมพร้อม มีน้ำขวดเล็กๆ(เล็กมาก)ให้ 2 ขวด ที่วางอยู่ข้างล่างเขียวๆนั่นคือเจ้าปุ๊กลุ๊กของฉันเอง น่ารักแต่หนักไม่ใช่เล่น -.-

1391866916-270DSC0546-o

เปิดห้องน้ำไป โอ้ว กว้างขวางมากเมื่อเทียบกับฮ่องกง ผ้าขนหนูพร้อม น้ำก็ไหลแรงมาก

1391866933-271DSC0546-o

สรุปคะแนน Ole London Hotel

3.5/5 ดาว

ข้อดีที่เห็นโดดเด่นเลยคือห้องกว้าง ห้องน้ำกว้าง อุปกรณ์ครบครัน เตียงนุ่ม ข้อเสียคือค่อนข้างแพง แสงน้อย ติดต่อลำบากมาก เรียกว่าแทบไม่ได้เลย ฉันส่งอีเมลไปถามเรื่องไดร์เป่าผมตามเมล์ที่ให้ไว้ในเว็บไซต์ มันเด้งกลับมาเฉย นี่เป็นสาเหตุที่ต้องพกไปเอง TT

พักกันอยู่ไม่ถึง 5 นาทีก็ต้องรีบไปต่อ จุดหมายต่อไปคือวัดอาม่าอันมีชื่อเสียง

เราเดินออกมาที่ตู้ไปรษณีย์สีแดง เลี้ยวซ้าย (ไปทางเดิมกับป้ายรถเมล์ที่ลงมา) แล้วเดินไปเรื่อยๆตามถนนหลักประมาณ 1 กิโลจะเจอวัดอาม่าอยู่ทางซ้ายมือ หรือใครจะนั่งรถเมล์ก็ขึ้นป้ายเดิมกับที่ลงมาเมื่อกี้ (ไม่ต้องข้ามถนน) สาย 10 , 10A , 2 , 5 , 7 ราคาอยู่ที่ 3.2 MOP

ระหว่างที่เดินไปเกิดหิว เลยซื้อวาฟเฟิลที่ขายข้างทางกิน ที่นี่เค้าเรียกกันว่า Egg Puff ราคาไม่แพงนัก 11 MOP

1391867615-272DSC0593-o

3.5/5 ดาว

คะแนนที่ให้นี่จากความน่ารักของป้าแกล้วนๆ เราไปเลือกไปถามแกอยู่นานมากกว่าจะตัดสินใจได้ แกก็พยายามตอบ แต่สุดท้ายก็ได้คนที่มาซื้อด้วยกันแหละช่วยอธิบายแบบงูๆปลาๆให้ฟัง ฉันถามว่าข้างในสอดไส้อะไร เค้าบอกว่า Snake แล้วบอก Yummyๆ งงเลย ไส้งูแล้วทำไมมันถูกจัง 555

ถึงจะแป้งล้วน ไม่มีไส้ ไม่อร่อยมากนัก แต่อิ่มใจ และสนุกดี  อิอิ

ในที่สุดก็มาถึงวัดอาม่าแต่ว่า ปิด 555 ก็เล่นมาเลทกว่าแพลนไป 2 ชั่วโมง ตอนนี้เกือบทุ่มแล้ว มองตาละห้อยอยู่หน้าวัดไปก่อนก็แล้วกัน

1391867105-273DSC0593-o

ถึงจะเดาว่าสถานที่ในเส้นทางมรดกที่จะไปเดินคงจะปิดหมดแล้วแต่เราก็ลุยต่อ ไปดูแค่ประตูก็ดี T^T

จากหน้าวัดให้เดินไปทางซ้าย เดินตรงเข้าซอยที่มีตึกแถวอยู่ 2 ฟากแบบรูปข้างล่าง

1391867199-274DSC0548-o

เดินไปเรื่อยๆ เจอสามแยกแล้วเลี้ยวขวา เราจะเห็น Moorish Barracks ทางขวามือ

1391867225-275DSC0594-o

ที่นี่มีแต่ซอยเล็กๆแคบๆ คนมาเก๊าเลยนิยมขี่มอเตอร์ไซค์กันเหมือนบ้านเรา แปลกที่ที่ฮ่องกงไม่มี

1391867242-276DSC0594-o

ฉันเห็นในรีวิวก็จินตนาการไว้ซะยุโรปเลย แต่นอกเหนือจากวิวที่เห็นตามรีวิวแล้ว ตึกรามบ้านช่องอย่างอื่นเป็นแบบจีนหมด สำหรับฉันเป็นการผสมที่เห็นแล้วขัดใจยิ่งนัก ฉันคิดว่าไม่เข้ากันอย่างแรง

เดินตรงไปอีกจะเจอจตุรัสลีเลา Lilau Squar จะมีป้ายบอกไปยังโบสถ์เพนญ่า Penha Church คลำตามทางไปเลย งงเหมือนกันเลยอธิบายไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ไปถูกนะ 555

ทางไปสวยนะ แต่แอบโหด กว่าจะขึ้นไปถึงนี่แทบแฮก ถ้าเจอทางประมาณนี้ แปลว่าคุณกำลังจะสิ้นแรงแล้ว เอ้ย คุณกำลังจะถึงแล้ว (นี่ถ่ายด้วยความท้อ 555)

1391867263-277DSC0595-o

ไปถึงโบสถ์ปิดตามคาด แอบเศร้านะ เพราะอยากมาดูโบสถ์เพนญ่ามากกกกกกกกกกกกกก ทำได้แค่มองหน้าต่างโบสถ์

1391867296-278DSC0552-o

หันซ้ายหันขวา ดันหันไปเจอ Macau Tower ในพงไพร อูววววววววววววววว สวยจุง

1391867346-279DSC0551-o

พอถึงตรงนี้ คุณสำลีตื่นเต้นมาก นางรีบเดินหามุมที่ดีที่สุดในการตั้งกล้อง แล้วก็เจอจนได้

1391867391-DSC05520-o

สถานที่ถ่ายทำภาพเมื่อครู่

ถ่ายรูปเสร็จ พวกเราเดินกลับมาที่จัตุรัสลีเลา ให้เดินตามถนนเส้นเดิมที่มาจากค่ายทหารชาวมัวร์ (Moorish Barracks) ตรงไปเรื่อยๆจะเจอโบสถ์เซนต์ลอเรนซ์ St. Lawrence’s Church เห็นประตูโบสถ์แล้วอยากจะปีนเข้าไปยิ่งนัก

ต่อจากนั้น หลงยาวเลย 555 หาโรงละครดอมเปโดรที่ห้า กับโบสถ์เซนต์ออกัสตินไม่เจอ ออกมาที่ถนนใหญ่ก็หลงไปไกลมาก กว่าจะหา Senado Square ได้นี่ต้องถามคนนู้นคนนี้จะมึน

สรุปคะแนนเส้นทางมรดกโลก

4/5 ดาว

ถึงจะหลงตอนท้ายๆ และไม่ได้เข้าไปดูข้างในซักที่ แต่วิวตอนกลางคืนก็สวยไม่ใช่เล่น แถมยังได้วิว Macau Tower สวยๆแบบไม่คาดฝันมาอีก แต่แอบเสียดายโบสถ์เพนญ่าอ่ะ ดูจากรูปแล้วน่าจะสวยฟินมาก

ที่ Senado Square มีการตกแต่งคริสต์มาสพอดี แต่คนเยอะไปไหม เดินชนกันให้วุ่น

1391868083-282DSC0554-o

หลังจากเดินหลงมานานจนผลาญแคลอรี่ที่ได้จากวาฟเฟิลของป้าหมด ก็ถึงปฏิบัติการตามหาข้าวเย็นกัน ร้านที่เรามุ่งจะไปกินกันคือร้าน Wong Chi Kei ซึ่งอยู่ในบริเวณ Senado Square จากด้านหน้า ให้เดินผ่านน้ำพุเข้าไปไม่ไกล ร้านจะอยู่ซ้ายมือ เยื้อง McDonald

ร้านอาหารที่นี่ หายากอย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดว่าอ่านรีวิวมาแล้ว ยังเล็งกันอยู่นาน เดินวนไปวนมา ในที่สุดก็หาเจอ

1391868109-283DSC0599-o

ไปยืนเมียงมองเพราะเห็นว่าที่นั่งเต็มจนพนักงานหันมาสบตาเข้า เธอเลยรีบนำไปยังชั้นใต้ดินทันที ยังดีที่มีที่นั่ง แต่อับไปหน่อย เพราะไม่มีหน้าต่างสักบาน (ก็มันอยู่ใต้ดินไง)

กางเมนูออกมาแล้วรู้สึกดีมากที่มีภาพซักที (เยสสสสส) เลยสั่งได้แบบไม่มีปัญหา

1391868136-284DSC0599-o

ตามรีวิวบอกว่า บะหมี่เกี๊ยวน้ำอร่อย แต่ไม่ได้บอกว่าเกี๊ยวอะไร (ฮา) จานนี้เลยสั่งบะหมี่ใส่เกี๊ยวผักรักสุขภาพ ราคาตกที่ 30 MOP ถูกกว่าฮ่องกงอย่างเห็นได้ชัด

1391868153-285DSC0600-o

 

เอาไปเลย 2/5 ดาว

เส้นบะหมี่ที่นี่จะเอาแนวเล็กกลม แต่ไม่นุ่มเหมือนที่จินตนาการไว้ เกี๊ยวผักปนหมูถึงตัวใหญ่ก็ไม่ค่อยอร่อยนัก ส่วนน้ำซุปไม่ต้องพูดถึง รสชาติเหมือนเห็ดหอมผสมหัวไชเท้า ไร้ความกลมกล่อม อ๊าก ไม่ปลื้ม

เมนูที่สอง เกี๊ยวน้ำกุ้ง สั่งมาลองโดยเฉพาะ ราคาอยู่ที่ 35 MOP

1391868242-286DSC0599-o

3/5 ดาว

ตัวเกี๊ยวถือว่ารสชาติดีกว่าเกี๊ยวแบบแรก ตัวใหญ่และให้เยอะดี ส่วนน้ำซุปยังคงใช้เหมือนเดิมไม่คิดเปลี่ยน 555

เมนูสุดท้าย เบเกอร์หมู อาหารต้องลองของมาเก๊า ราคาต่อ 1 ชิ้นอยู่ที่ 24 MOP

1391868306-287DSC0557-o

4/5 ดาว

โอ๊ย อร่อย ฟิน มีความสุข เนื้อขนมปังกรอบนอกนุ่มในติดจะหวานนิดๆ ตัดกับความเค็มของเนื้อหมูอย่างลงตัว แต่เมนูนี้ต้องใช้ความระมัดระวังในการรับประทาน เพราะอาจจะกัดโดนกระดูกได้

สรุปคะแนนมื้อนี้ 3/5 ดาว แบ่งเป็น

ความอร่อย         3/5         (ฟินเพราะเมนูถูกสุดอีกแย้ว)
สถานที่                1/5          (เผอิญว่าได้ไปนั่งอยู่ชั้นใต้ดิน แถมติดกับที่ล้างจานอีก ขอบอกว่าอึดอัดและเหม็นมั่กพะยะค่ะ ให้คะแนนเพราะมีที่ให้นั่งโดยแท้)
การบริการ          3/5         (ใส่ใจพอประมาณ สื่อสารไม่ได้ ใช้จิ้มและภาษามือโลด)
ราคา                     5/5         (เพิ่งข้ามมาจากฮ่องกงเลยรู้สึกถูก ทั้งมื้อสั่งไปตั้ง 3 อย่าง เสียไปแค่ 89 MOP ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม)

หลังจากกินอาหารคาวเสร็จแล้วรู้สึกว่าชีวิตยังขาดอะไรไป เลยเริ่มปฏิบัติการตามหาของหวาน

ลือกันว่าร้านนมตุ๋น  Leitaria I Son นี่มันสุดยอดแห่งนมตุ๋นแล้ว ต้องไปโดนให้ได้ แต่ร้านนี้มันหลบอยู่ในหลืบซอกไหนเราถึงหาไม่เจอ เดินมั่วไปมั่วมาดันเจอซากปรักหักพังของโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s Church) ที่กะจะมาดูพรุ่งนี้ เอาเถอะ whereๆ  is whereๆ เดินดูมันวันนี้แหละ

รูปนี้ถ่ายจากห้องน้ำสาธารณะแถวนั้น (ไปอึ๊ยังมีอารมณ์ถ่าย) มีการเปิดไฟ ประดับประดาพอสมควร สวยดี แต่เห็นแบบนี้ชันมาก กว่าจะเดินลากสังขารขึ้นไปได้เล่นเอาแฮก

1391868567-288DSC0601-o

ยังดีที่คนน้อย ฉันเลยพยายามหามุมถ่ายให้ไม่ติดคน (จะไปติดได้ไง เล่นถ่ายตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป)

คุณสำลีเริ่มตั้งกล้อง เลยไปช่วงชิงรูปหน้าตรงจากนางมา 1 รูป

1391868650-DSC05661-o

สรุปคะแนน Ruins of St. Paul’s Church 

2/5 ดาว

สำหรับฉันดูไม่ค่อยมีอะไร ไม่ได้สวยตระการตามาก และคนอย่างเยอะ ขนาดตอนกลางคืนยังเยอะจนไม่น่าเชื่อ

เฮฮาปาจิงโก๊ะกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ว่ายังต้องไป Wynn Hotel ต่อ เลยเริ่มเดินทัพกันต่อ

ระหว่างเดินกลับไปยัง Senado  Square สังเกตเห็นว่าจะมีร้านค้าขายของฝากตลอดทาง หลักๆคือเค้กอัลมอนด์ กับหมูแผ่น เดินไปเดินมาเหลือบไปเจอร้านหมูแผ่น Bee Cheng  Hiang ที่เมื่อกลางวันไปตามหามาชั่วโมงกว่า ไม่กล้าเข้าไปดูราคา กลัวเสียใจไปมากกว่านี้ (ขอไม่ลงรูป กากเกิน พอดีมือสั่นด้วยความเสียใจ)

เลือกของหวานกันอยู่นาน สุดท้ายมาจบที่ร้านนี้

จำชื่อร้านไม่ได้ ขอประทานอภัย แต่จะอยู่ในซอกหลืบ เยื้องๆกันมีร้านเบเกอร์หมู ดูเก่าๆ สกปรกหน่อย แบบที่ต้องอร่อยแน่ๆ พอดีว่ากินมาแล้ว เสียดายมั่ก ร้านนี้ขายทั้งไก่ทอดหมูทอดและของหวาน คนขายสื่อสารไม่ได้เลย ดีที่มีสาวมาเก๊า  (คนซ้ายมือ) ช่วยสื่อสารให้อีกแรง

1391869007-290DSC0602-o

ในที่สุดก็ได้มาถือกิน 2 อย่าง เมนูแรกคือน้ำแข็งใสราดเนื้อมะม่วง แปลกดี ราคา 25 MOP

1391869038-291DSC0567-o

3/5 ดาว

อร่อยที่เนื้อมะม่วง แบบเต็มปากเต็มคำมาก แต่แป๊บเดียวก็จืดเมื่อน้ำแข็งละลาย แง เศร้า

ของหวานอีกอย่าง พุดดิ้งนม ประมาณจะลองให้ได้ หาร้านนั้นไม่เจอไม่เป็นไร เมนูนี้ราคาอยู่ที่ 15 MOP

1391869130-292DSC0568-o

1.5/5 ดาว

ให้คะแนนเพราะเนื้อพุดดิ้งเด้งดึ๋งโอเคอยู่ แต่ส่วนตัวไม่ชอบน้ำนมที่ราดมาด้วยเพราะมีกลิ่นเชอร์รี่แรงมาก (เชอร์รี่ที่ชอบใส่มาในไอศกรีมสเว่นเซ่นส์) มันให้ความรู้สึกหม่องๆ แปลกๆ บอกไม่ถูก แต่ก็กินจนหมดนะ แฮ่

เป้าหมายต่อไปของเราคือการไปดูโชว์ที่ Wynn ซึ่งติดโผเป็นหนึ่งในคาสิโนขนาดใหญ่ของมาเก๊า

จาก Senado Square เราจะเดินตรงขึ้นไปตามถนนใหญ่  Avenida de Almeida Ribeiro ชื่ออาจจะอ่านยาก แต่หาไม่ยาก รับรอง เดินไปประมาณ 500 เมตรให้เบี่ยงขวา จะเห็นวงเวียน อ้อมวงเวียนมองซ้ายก็จะเจอเป้าหมายของเรา

จริงๆใช้วิธีเล็งไปที่ตึกของคาสิโน Lisboa แล้วเดินไปทางทิศนั้น Wynn อยู่ไม่ไกลอ

ที่นี่ตึกของคาสิโนกับกับสำนักงานบางแห่งจะสูงมากและดูหะรูหะราตามประสา ยามดึกเปิดไฟแข่งกันเต็มสตรีม ดูแล้วขัดกับตึกที่เป็นที่อยู่อาศัยในละแวกเดียวกันซึ่งจะสูงประมาณ 4-5 ชั้น (คล้ายตึกแถวบ้านเรา) เก่าโทรม กลางคืนปิดไฟมืด ส่วนตัวขัดหูขัดตามากกับบรรยากาศแบบนี้ มันแสดงถึง gap ระหว่างคนรวยโพดๆกับคนธรรมดา ธุรกิจซึ่งทำเงินกับความมัวเมาในการพนันของคนที่มาบุกรุกชีวิตเงียบสงบของคนมาเก๊า

เดินต่ออีกไม่ไกลก็มาถึง Wynn จนได้ น้ำพุกำลังแสดงอยู่ สวยและอลังจนคุณสำลีถึงกับค้าง ต้องต้อนเข้าไปดูโชว์ข้างในก่อน นางอิดออดพอเป็นพิธีเลยยอมเดินเข้าไป

1391869254-294DSC0573-o

เมื่อเดินเข้าโรงแรมตรงบริเวณหลังบ่อน้ำพุให้เลี้ยวซ้าย เดินไปจนสุดทาง จะเจอกับจุดที่แสดงโชว์ ถ้าหาไม่เจอให้ถามเจ้าหน้าที่ที่ยืนใส่สูทเยี่ยงบอดีการ์ดซึ่งคุณสามารถพบเจอตามทาง ดูเหมือนจะขึงขัง แต่เมื่อเราเปิดบทสนทนา เฮียจะยิ้มแย้มต้อนรับให้คำแนะนำทุกอย่าง แถมภาษาอังกฤษยังเป็นเลิศอีกด้วย

ไปถึงสถานที่ก็เจอครึ่งวงกลมสีทองแบบนี้ ข้างบนเป็นวงกลมแบ่งเป็น  12 แฉกเป็นรูปปีนักษัตร มิมีอะไรเลยบ่งบอกว่าเป็นสถานที่จัดแสดง แต่เห็นคนยืนล้อมอยู่ประปรายเลยคิดว่าน่าจะใช่

1391869292-295DSC0575-o

ที่ Wynn จะมีโชว์ฟรีให้ดูถึง 2 ชุด ชุดละประมาณ 5-7 นาที จะมาสลับกัน ณ เวลา xx.00 และ xx.30 ดังนั้นระหว่างรอเราจะสามารถเดินเข้าไปสัมผัสคาสิโนของแท้ได้

โชว์แรกที่เราได้ดูมีชื่อว่า Tree of Prosperity หรือต้นไม้แห่งความมั่งคั่ง ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ Effect อลังการงานสร้างมาก

จากรูปที่เห็นทีแรก มันเปิดได้ทั้งข้างล่าง ข้างบนเลยค่ะทุกท่าน ข้างล่างนี่พอเดาได้แต่ข้างบนฉันอึ้งมาก พี่แกเล่นค่อยๆเอนแผ่นเสี้ยวนักษัตรเพื่อเปิดรู สวดยอด O.o

1391869334-296DSC0606-o

และต้นไม้แห่งความมั่งคั่งก็โผล่ขึ้นมา จังหวะที่ต้นไม้ค่อยๆโผล่ถึงโผล่อยู่ในระดับสูงสุด มีการโยนเหรียญเข้ามาในบริเวณโคนต้นไม้เป็นจำนวนมาก คิดว่าคงเป็นความเชื่อว่าจะทำให้มีโชดลาภ คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าโยนพลาดแล้วไปโดนคนอีกฝั่งคงเจ็บน่าดู ชะอุ๊ย

1391869356-297DSC0607-o

ระหว่างพักเบรค 20 นาที เราเลยได้โอกาสแว๊บเข้าไปเยี่ยมชมคาสิโนที่อยู่ใกล้ๆ มีการเช็คอายุว่าเกิน 20 จาก passport เล็กน้อย (เก๊าะหน้าเด็กละจิ อิอิ) โซนนี้ห้ามถ่ายรูปเลยขอบรรยายเอา

เข้าไปถึงจะเป็นกองทัพ Slot machine มีตั้งแต่พนันไม่กีเหรียญจนไปถึงแบบเยอะๆ พอเข้าไปจะเป็นโต๊ะการพนันรูปแบบต่างๆ เช่นโป๊กเกอร์ (รู้จักอย่างเดียว + =) จะมีพนักงานรอเป็นเจ้ามืออยู่ตามโต๊ะ มีทั้งผู้ชายผู้หญิง หน้าตาเก๋ามาก มีเครื่องสับไพ่ด้วย เกร๋ซะ มีชากาแฟบริการฟรี ไม่มีหน้าต่างซักบานหรือนาฬิการซักเรือน เล่นไม่รู้วันรู้คืนเลยทีเดียว

แอบเจอตู้ ATM Wynn ให้บริการอยู่หน้าห้องน้ำ เรียกว่าไม่ต้องกลัวพกเงินมาไม่พอ (ไม่มีให้กดอีกเรื่อง) หรูเชียวนะไอ้หนู

1391869425-298DSC0608-o

กลับมาที่คาสิโน ในโซนปลอดบุหรี่ คนที่นั่งจะค่อนข้างเรียบร้อยระดับหนึ่ง กินชา กาแฟ แต่งตัวมีระดับ แต่ถ้าอยากจะหาดูบรรยากาศเหมือนในหนัง ให้เดินไปโซนสูบบุหรี่ โต๊ะหนึ่งจะเล่นกันเกือบครบขา สูบบุหรี่หน้าเคร่ง แถมมีคนมุงดูลุ้นเป็นกำลังใจอีก กล้าได้กล้าเสียมาก ดันชิบเข้ากองทีเป็นกำๆ (กลืนน้ำลายเอื้อก)

เที่ยวชมเสร็จต้องรีบกลับมาประจำที่เดิมเพื่อดูโชว์ที่สอง Dragon of Fortune โชว์นี่มีการปล่อยควันสร้างบรรยากาศด้วย แต่แอบชอบโชว์ต้นไม้มากกว่าแฮะ

1391869462-299DSC0608-o

คะแนนทั้งสองโชว์เอาไปเลย 2.5/5 ดาว

คิดว่าไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ละอันเอาขึ้นมาหมุนวนๆ ใช้แสงสาดเพื่อเปลี่ยนสี เอาลง เป็นอันจบ ที่ประทับใจจริงๆคือ Effect และเทคนิคต่างๆที่ใช้ สามารถทำให้พื้นที่เท่านั้นเป็นโชว์ตั้ง 2 ชุด ถือว่าเจ๋งพอสมควรละนะ

ชมโชว์เสร็จก็รีบรุดไปตั้งกล้องรอชมน้ำพุต่อ อากาศจากกำลังเย็นสบายๆอยู่ดีๆก็เย็นเฉียบขึ้นมากระทันหัน พอคิดว่าจะต้องนั่งอยู่อีกเกือบชั่วโมงเต็มๆแล้วสะท้าน

การแสดงน้ำพุจะมี 4 ชุดแตกต่างกันไป ณ เวลา xx.00, xx.15, xx.30 และ xx.45 แต่ละชุดใช้เวลาประมาณ 3-4 นาทีตามเพลงที่ใช้ซึ่งเป็นเพลงร้อนแรงสลับกับเพลงชมธรรมชาติ ส่วนตัวคิดว่าเพลงที่มีจังหวะระทึก น้ำพุจะสวยกว่า มีการพ่นไฟด้วย ร้อนวาบเลยทีเดียว

เริ่มด้วยน้ำพุแบบขาวๆ นิ่มๆ

1391869529-300DSC0609-o

น้ำพุแบบแท่ง (ตั้งชื่อให้เอง มั่วปาย) สีน้ำเงินแซมขาว

1391869597-301DSC0586-o

สีเขียวน้ำทะเลแซมขาว

1391869627-302DSC0590-o

แบบโค้ง ออกโทนสีน้ำเงินเข้ม สวย สงบ

1391869702-303DSC0589-o

กลับมาที่แบบแท่ง ม่วงแซมน้ำเงิน รู้สึกถึงพลังบางอย่าง (เพ้อเจ้ออยู่)

1391869748-304DSC0593-o

ขาวล้วน แบบนี้เราชอบ มันตัดกับความมืดดี

1391869806-305DSC0587-o

ปิดท้ายด้วยแบบมีไฟพ่นออกมาด้วย อยู่แถวๆนั้นนี่ร้อนวาบๆกันทีเดียว

1391869851-DSC05872-o

น้ำพุเอาไป 5/5 ดาว

ฟินน้อยกว่าพลุดิสนีย์เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะมันฟรี ไม่ต้องไปนั่งจองที่ มาถึงนั่งแมะดูได้เลยไม่มีใครว่า

เนื่องจากมันสวยมาก ฉันถ่ายไป 2 รูปก็เลิกถ่ายแล้ว เข้าโลกส่วนตัวดูอย่างเดียวไม่สนใจใคร รูปที่เห็นไปจิ๊กมาจากคุณสำลีทั้งหมด นางสามารถกดรูป ถ่ายวีดีโอ และดื่มด่ำความงามได้ในขณะเดียวกัน -0-

นั่งชมกันลืมหนาว แล้วก็ได้เวลากลับ คุณสำลีบอกอยากถ่ายไฟรถเป็นเส้นๆ ที่เกาะกลางวงเวียน ซึ่งไม่มีไฟแดงและรถวิ่งเร็วมาก TT เพื่อสนองนีดนาง พวกเราก็เสี่ยงชีวิตข้ามถนนไปเพื่อรูปใบนี้

และแล้วก็ถึงเวลากลับจริงๆ ขณะนี้ 23.45 น. รถเมล์ยังคงวิ่งอยู่ ไม่ต้องใช้บริการแท็กซี่ จากที่ปรึกษาอากู๋มา เราสามารถนั่งสาย 11 โดยรอที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ตรงวงเวียนเพื่อกลับไปยังโรงแรมได้ในราคา 4.2 MOP ฉันก็คิดว่าง่ายนิดเดียว แต่ที่ไหนได้ ป้ายรถเมล์มีเป็นตับ ฉันแสดงความเฉลียวฉลาดต่อโดยการไปอ่านป้ายข้างหน้าว่าสายไหนผ่านบ้าง อ่านไป 2 ป้ายก็หาสาย 11 เจอ

ยืนแข็งรออยู่ 5 นาที สาย 11 ก็มา ฉันเอะใจเล็กน้อยตรงที่ป้ายข้างหน้าเขียนว่าเกาะไทปา แต่ก็ไม่ได้แคร์อะไรมาก ความเหนื่อยผสมคิดถึงเตียงนอนที่โรงแรมทำให้ฉันลากคุณสำลีขึ้นรถเมล์ทันที

มาคิดอีกทีว่าผิดแน่ๆตอนรถเมล์ขึ้นสะพานข้ามมาเกาะไทปา มองหน้ากันแล้วรีบกดกริ่งลง บรรยากาศตอนที่ลงมา มืดมาก รถกระปริบกระปอย คนยิ่งไม่มี มองนาฬิกาพบว่าอีก 5 นาทีจะเที่ยงคืน = รถเมล์หมด เลยรีบมองหาป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามถนนตามสูตรว่ามันต้องกลับอีกทาง แต่ไม่มีซะงั้น TT (ภาพเบลอเล็กน้อย ตอนนั้นมือสั่นมาก รู้สึกว่าหลงจริงจังแว้ว แต่ยังมีอารมณ์ถ่ายมารีวิว 555)

1391870242-307DSC0610-o

เดินไปเรื่อยๆจนเจอสาวนางหนึ่ง เลยวิ่งเข้าไปชาร์ตทันที โชคดีที่เธอพูดอังกฤษพอได้ (ว่าแต่คุณน้องมาเดินอะไรคนเดียวดึกดื่น หน้าตาเรียบร้อยสุดๆ) เธอบอกว่า ต้องเดินย้อนกลับไป  พอฉันถามว่าไกลไหม ทำหน้าแหยนำมาก่อนเลย เพราะว่ามันไกลจริง ประมาณเกือบกิโลในห้านาที แทบวิ่งกันเลยทีเดียว

ลักษณะการเดินรถที่เข้าใจคือ รถจะวนทางเดียวรอบเกาะแล้วจะมีจุดกลับรถให้ขึ้นสะพานกลับฝั่ง Macau Peninsula (ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Ole London Hotel) ตอนแรกเราก็ไปรออยู่อีกป้ายเลยจุดกลับรถไปนิด แต่สังเกตว่ารถจะชิดขวาเพื่อกลับรถแล้วค่อยขึ้นสะพานตลอด เลยลากคุณสำลีให้เดินต่อไปอีกป้าย และแล้วก็ได้ขึ้นสาย 11 คันสุดท้ายของวันพอดี โชคดีจริงๆ

จบวันที่ 4 อันยาวนานและตื่นเต้นเพียงเท่านี้

post หน้าจะเป็น post สุดท้าย ฉันจะพาไปเที่ยวคาสิโนสุดอลัง The Venetian อย่าลืมติดตามกันนะ 😉

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*