Author Archives: jane

ชีวิตต่างถิ่น ณ ดินแดนสิงคโปร์ : Dear Diary I (July 14 – Sep 14)

post นี้เป็นบันทึกประจำเดือน (เอ๊ะ ยังไง) ที่ฉันคิดอยากจะเขียนเก็บไว้เพราะเมื่อมองย้อนกลับไป รู้สึกว่าตัวเองได้ผ่านเรื่องราวมาเยอะพอสมควร ไม่ได้มีเนื้อหาเข้มข้นมากนัก เป็นการบันทึกเหตุการณ์ตามลำดับเวลา 3 เดือนแรกของการมาทำงานต่างประเทศครั้งแรกของฉัน สองสัปดาห์แรก ดิ้นรนหางาน ด้านได้อายอด สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องทำ และเกลียดสุดๆคือ ทุกๆวันของการทำงาน ฉันต้องบันทึก “Timesheet” ระบุว่าวันหนึ่งๆ ใช้เวลาในการทำกิจกรรมอะไร เป็นระยะเวลาเท่าไหร่ ใน 8 ชั่วโมง เช่น – 2.5 ชั่วโมงในการทำกิจกรรม a และ b สำหรับโปรเจค ก.ไก่ – 4.5 ชั่วโมงทำกิจกรรม c, d และ e สำหรับโปรเจค ข.ไข่ – 1 ชั่วโมงสำหรับการทำ e-learning เรื่อง f เพื่อพัฒนาตนเอง ยังไม่พอแค่นั้น อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือสิ่งที่เรียกว่า “Billable Rate” หรือเวลาที่ถูกใช้ไปในการทำงานที่สามารถคิดเงินลูกค้าได้ นับเป็น Key Performance Index (KPI) หรือดรรชนีตัวชี้วัดความสามารถของการเป็น ...

Read More »

ชีวิตต่างถิ่น ณ ดินแดนสิงคโปร์ : fit in then fight ปรับใจเพื่อสู้ ให้มันรู้ไปว่าคนไทยก็มีดี

กว่าสองเดือนที่หายหัวไปไม่มาเล่าเรื่อง ไม่มีผลงานออกมา (เก๊าขอโต๊ด) นั่นเป็นเพราะว่ากำลังอยู่ในช่วง settle down หรือช่วงลงหลักปักฐาน มีอะไรให้จัดการค่อนข้างเยอะไล่เรียงไปตั้งแต่ที่อยู่อาศัย อาหารการกิน และที่สำคัญที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการทำงาน การทำงานที่ไทยว่าตื่นเต้นแล้ว ที่นี่ตื่นเต้นยิ่งกว่า ลุ้นกันมันส์วันต่อวันว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตบ้าง เป้าหมายของฉัน ไม่ใช่แค่ต้องปรับตัวเข้ากับการทำงาน เข้ากับคนที่นี่ให้ได้ แต่จะต้องทำให้พวกเขาประจักษ์ให้ได้ว่า คนไทยก็ไม่ได้แพ้ชาติไหนในโลก พอจบหนึ่งปี อย่างน้อยๆ คนครึ่งบริษัทและผู้บริหารซักครึ่งต้องพูดว่า I knew that Thai girl, she impressed me. ถามว่าคนที่นี่ดูถูกเราไหม แบ่งเป็น 2 แบบ แบบแรกคือ ไม่มั่นใจ สงสัยว่าเราจะทำได้หรือเปล่า แบบที่สองคือ ดูถูก หน้าตารู้เลยว่าไม่อยากคุยด้วย มันคนละชนชั้น ปากนี่แบะมาแต่ไกล ก็มี ไอคนแบบนี้แหละที่จะต้องให้มันรู้ว่า ยืนเชิดอยู่บนคอหอยไปเถอะ เผลออีกซักแป๊บจะก้มลงไปจะหาเราไม่เจอ เพราะตรูอยู่บนเทือกเขาเอเวอร์เรสแล้วโว้ยยย แต่อย่าว่าแต่คนที่นี่เลย เพื่อนๆคนไทย แม้กระทั่งตัวฉันเองในตอนแรก ก็ยังสงสัยและหวั่นใจในศักยภาพของตัวเอง เพราะการได้เลื่อนตำแหน่งก่อนมา นั่นหมายความว่าหน้าที่ความรับผิดชอบ ความคาดหวังยิ่งพุ่งสูงขึ้นตามลำดับ แต่แล้วฉันก็คิดได้ใน 2 วันแรกว่าถ้าหากจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ อันดับแรก ต้องปรับ “ใจ” หรือทัศนคติตัวเองก่อน ...

Read More »

My Cotton is Here, in Singapore! ตอนที่ 4 (ตอนสุดท้าย) : โปรดอย่าไป

แหม ตั้งชื่อตอนซะน่าสงสาร เรียกร้องความสนใจน่าดู เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวเล่นด้วยกันแล้วสิ พิมพ์แล้วก็คิดถึงช่วงเวลานั้น ถ้าเป็นไปได้ โปรดอย่าไปเลยนะ คุณสำลี

Read More »

My Cotton is Here, in Singapore! ตอนที่ 3 : ลั้นลาในโลกใต้ทะเล S.E.A. Aquarium

จริงๆแล้ววันนี้ไม่ได้ไปแค่ S.E.A. Aquarium แต่ถึงเป็นกิจกรรมที่โดดเด่นสุดๆแล้ว พูดถึงกิจกรรม เรามาดูตารางเวลากันเลย รับประกันความโหดเหมือนเดิม

Read More »

My Cotton is Here, in Singapore! ตอนที่ 2 : เพราะชีวิตต้องการความมันส์ Universal Studio Singapore

หลังจากเมื่อวานเดินขาแทบหักรอบ Marina Bay กันไปแล้ว วันนี้พวกเราจะไปถล่มเกาะ Sentosa กัน ตามมาดูตารางเที่ยวคร่าวๆกันเลย

Read More »

My Cotton is Here, in Singapore! ตอนที่ 1 : คุณสำลี ยินดีต้อนรับ

กาลครั้งหนึ่ง หลังจากทริปฮ่องกงเพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน สายการบินสีแดงก็จัดโปรโมชั่นใหญ่ที่เรียกว่า Big Sale สองนักหัดเที่ยวมือใหม่ ที่ยังติดใจกลิ่นอายของการหลง งง เงิบ ก็อดตาหลับขับตานอน สอยตั๋วไปสิงคโปร์มาได้ 2 ใบ ใบละ 4,000 (รู้สึกไม่ได้ถูกเลยซักนิด)

Read More »

ชีวิตต่างถิ่น ณ ดินแดนสิงคโปร์ : 8 อย่างของสิงคโปร์…ที่เมืองไทยน่าทำตาม

ก่อนที่ฉันจะมาทำงานที่นี่ มีแต่คนบอกว่า “สิงคโปร์หรอ ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ ร้อนก็ร้อน แคบก็แคบ สถานที่ท่องเที่ยวก็มีแต่สิ่งปลูกสร้าง เที่ยววัน 2 วันหมด น่าเบื่อจะตาย” แต่เมื่อมาสัมผัสจริงๆแล้ว ฉันกลับค้นพบว่า สิงคโปร์มีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่คิด และมีหลายๆอย่างที่ทำให้ประเทศนี้พัฒนาก้าวหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ post นี้เป็นความประทับใจอันดับแรกๆของฉันเมื่อได้มาใช้ชีวิตในประเทศเล็กๆที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย 1. สะอาดมากกกกกกกกกกกกกกกก ถามว่าอะไรที่ประทับใจสุดๆแล้วในสิงคโปร์ คงหนีไม่พ้นเรื่องความสะอาด แทบจะลงไปกลิ้งกับพื้นกันเลยทีเดียว สิ่งที่รัฐทำคือการปรับคนที่ทิ้งขยะไม่เป็นที่ อะไรที่เป็นสิ่งที่อาจก่อให้เกิดความสกปรกรำคาญใจก็แบนมันซะ เช่น หมากฝรั่ง จะไม่มีขายที่ไหนในสิงคโปร์ ต้องลักลอบนำเข้ามาเอง ดังนั้น ของฝากอันดับต้นๆของคนสิงคโปร์ที่ไปต่างประเทศก็คือหมากฝรั่งนั่นเอง ต้องแอบกินด้วยนะ 555 สิ่งที่เจริญหูเจริญตาอีกอย่างคือที่นี่ไม่มีร้านข้างถนนให้เกะกะทางเดิน นอกจากจะไม่สร้างขยะแล้วยังทำให้สามารถเดิน วิ่ง  ออกกำลังกายได้สะดวกอีกด้วย นอกจากนั้น รัฐยังจ้างคนมาทำความสะอาดตามที่ต่างๆให้เนียบนิ้งอยู่เสมอ (ส่วนใหญ่จะเป็นคนแก่ ทำให้คนแก่มีรายได้ไปในตัว) 2. การคมนาคมที่โค-ตะ-ระจะเจ๋ง พี่แกทำออกมาได้สุดๆ ครอบคลุมทั่วถึงแทบทั้งประเทศจริงๆ หากไม่นับการมีรถส่วนตัว เราสามารถเดินทางไปที่ต่างๆได้หลักๆ 3 วิธี รถไฟใต้ดิน หรือเรียกว่า MRT เหมือนบ้านเรา มีอยู่ 5 สาย (วิธีเรียก ที่นี่จะเรียกกันเป็นสี เช่น เขียว แดง ...

Read More »

แฉงาน consult : จากใจพี่ถึงน้องๆ

Post นี้เกิดจากความคิดริเริ่มของอาจารย์ท่านหนึ่งในภาควิชา ที่ต้องการให้นักศึกษาที่กำลังจะจบหรือกำลังหาที่ฝึกงานมีความรู้และเตรียมตัวเข้าร่วมกับบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ อาจารย์ท่านนี้จึงเชิญชวนให้รุ่นพี่ที่กำลังทำงานอยู่ในบริษัทเหล่านี้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ให้น้องๆ อาจารย์ท่านน่ารักจริงๆ ชอบความเอาใจใส่เด็กๆของท่านมาก

Read More »

เรื่องเล่าของสาววิศวะ : ต้นเหตุของความมานะ

เรียนวิศวะ ถามว่าเรียนยากไหม ฉันตอบให้ได้เลยว่ายาก กว่าจะผ่าน 4 ปีอันหรรษามาได้เลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน บางที(ส่วนใหญ่)ก็ต้องกัดฟันเรียนวิชาที่ไม่ได้ชอบหรือมีความถนัดแข่งกับอัจฉริยะทั้งหลาย เกรดตอนจบออกมาของฉันค่อนข้างดี ทำให้ใครๆหลายคนมองว่า ฉันหัวดี เทพ เก่ง วันนี้จะเอาความจริงมาเล่าสู่กันฟังว่าจริงๆแล้วฉันเป็นคนธรรมดา หัวธรรมดาติดจะมึนๆด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ได้มาทั้งหมดนี้เกิดจากความมานะพยายามทั้งสิ้น ที่สำคัญคือ ที่มาของความมานะเหล่านั้นซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้

Read More »

เรื่องเล่าของสาววิศวะ : ก้าวแรกในรั้วสถาบัน

สถาบันที่ฉันติดโควต้าเข้ามาเรียนได้  (ขอใช้ชื่อว่าสถาบัน เพราะสถานที่ที่ฉันเรียนยังไม่ถูกเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัย) อยู่ติดปลายนวมกรุงเทพ บางคนว่ากันดาร อยู่กลางท้องทุ่งนา ฉันขอเถียงสุดใจขาดดิ้น เพราะความจริงแล้วนั้น สถาบันของเรามีการคมนาคมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศไทยแล้ว นอกจากขับรถส่วนตัว ยังสามารถนั่งรถตู้ รถเมล์ Airport link หรือจะนั่งเครื่องบินมาลงที่สุวรรณภูมิแล้วนั่งสองแถวต่อมาอีกนิดก็ยังได้ และที่เจ๋งที่สุดคือมีรถไฟผ่ากลางสถาบัน ยังจำความรู้สึกที่ใส่เสื้อช็อปสะพายเป้ยืนห้อยโหนอยู่ตรงทางขั้นรถไฟได้ (เพราะรถไฟมันฟรี คนเลยขึ้นเยอะจนเบียดเข้าไปไม่ได้) ตอนนั้นรู้สึกตัวเองเท่ชะมัด (คิดไปเองทั้งนั้น)

Read More »