Hong Kong – Macau ตอนที่ 6 (ตอนสุดท้าย) : ปิดฉากฮ่องกง – มาเก๊า

post สุดท้ายของทริปนี้ซักที (หลังจากดองมานาน 55) วันนี้จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวคาสิโนติดอันดับเรื่องความสวยงานอลังการของมาเก๊า ก่อนบินกลับประเทศไทย

แผนการท่องเที่ยวคร่าวๆของวันที่ 5 (14 ธันวา 2556)

08:00  Check Out
09:00   The venetian
09:30   Breakfast @ The venetian + เที่ยวชม
13:00   Macau Airport

หลังจากไปหลงกันมาเมื่อวาน เมื่อคืนเจอเตียงนุ่มๆของ Ole London Hotel ไปทำเอาไม่อยากตื่นกันเลยทีเดียว ฝืนใจลุกจากเตียง อาบน้ำ เก็บของและลงมา Check Out ในเวลา 8 โมงพอดิบพอดี ไม่แน่ใจว่าอาหารเช้าแถมมาด้วยหรือต้องซื้อ แต่กลัวเที่ยวไม่ทันเลยตัดสินใจไปกินทีเดียวที่ The venetian

จริงๆวันนี้มีโปรแกรมไปดู Ruins of St. Paul’s Church ก่อน แต่เนื่องจากเมื่อวานเดินมั่วไปเจอเลยตัดไปได้ อิอิ

จากการปรึกษาอากู๋ วิธีการไป The venetian โดยรถเมล์ (ยังไม่เข็ด) ให้ขึ้นสาย 21A ที่ป้าย Rua Das Lorchas ซึ่งจากตู้ไปรษณีย์สีแดง ให้เดินข้ามถนนไปแล้วเลี้ยวขวา เดินไปอีกเล็กน้อยจะถึงป้ายรถเมล์ ยิ่งช่วงเช้าคนจะยืนรอเยอะจนสังเกตได้

หาป้ายแบบนี้เจอไม่ผิดแน่

บ้านเมืองยามเช้าของมาเก๊าไม่ค่อยวุ่นวายนัก คล้ายๆกับฮ่องกงตรงผู้คนดูเหมือนจะยังไม่ตื่น ทว่าที่นี่ไม่ทันสมัยเท่า ตึกรามบ้านช่องดูเก่าและทรุดโทรม ผู้คนสัญจรด้วยมอเตอร์ไซค์ค่อนข้างมาก วิวนี้ถ่ายจากป้ายรถเมล์มองกลับไปยังแถวๆโรงแรมคือบริเวณตึกสีส้มขาว มองย้อนกลับมาจะเห็นเขียวๆเป็นพุ่มๆคือสวนสาธารณะ โรงแรมจะอยู่ในช่วงตึกเดียวกับตึกที่มีป้ายไฟแต่ต้องเดินเข้าไป

ซักพักรถเมล์ก็มา คันนี้มาแปลกเพราะเป็นรถที่อาศัยลมธรรมชาติ ค่อนข้างเล็ก ขับเร็วและแรงมาก (ธรรมดาก็กระโชกโฮกฮากอยู่แล้ว) เปรียบเทียบได้กับรถเมล์กระป๋องบ้านเรา เนื่องจากต้องยืนห้อยโหน ก็ได้กลิ้งไปทับหนุ่มมาเก๊าข้างๆเป็นระยะ แฮ่ แต่พอเฮียแกหันหน้ามานี่แก่เชียว เหี่ยวเลย 555

เราจะลงกันที่ป้าย Estrada Do Istmo / City of Dreams โดยคุณต้องเห็น City of Dreams ตรงข้ามมี The venetian แล้วค่อยลง งานนี้เสียค่าโดยสารไป  6.4 MOP

หน้าตารถกระป๋องมาเก๊าที่โดยสารมา เดี๋ยวไม่ทันต้องรีบถ่าย

City of Dreams วันนี้อดเที่ยว เวลาไม่พอ กระซิก

ข้ามถนนไปอีกฝั่งก็เจอ The venetian เลย ถ่ายฝั่งนี้เลยแอบติดเสาไฟฟ้านิดหน่อย วันนี้หมอกลงค่อนข้างเยอะ ดูโรแมนติกจัง (ยังไง)

วิวจากสะพานหน้าก่อนเข้า The venetian หิมะปลอมข้างหน้าให้ feel อยู่ยุโรปมั่กๆ

ประตูทางนี้จะเข้าไปเจอ Main Lobby เลย ฝากกระเป๋าไว้แล้วเดี๋ยวมาขึ้นรถไปสนามบินที่ฝั่งนี้ได้เลย

มุมมหาชน  คิคิ

ภาพเมื่อมองขึ้นไป อลังไปไหน

อันดับแรกคือหาของกินที่ food court ก่อน จะอยู่แถวๆ Canal ที่เค้าล่องกอนโดล่ากัน ตอนขึ้นมาต้องผ่านโซนคาสิโนด้วย ค้นพบว่าที่นี่ใหญ่กว่า Wynn เยอะเลย โต๊ะเยอะกว่า คนเยอะกว่า คนเล่นการพนันมีมากขนาดนี้เลยหรอเนี่ย

ผ่าน Canal ไฟยังไม่เปิด ร้านค้าต่างๆก็ยังปิดอยู่ แต่พวกเราหาได้แคร์ไม่ ถ่ายรูปมันตอนมืดๆนี่ล่ะ คนน้อยดี

งมกันอยู่พอสมควรในที่สุดก็เจอ food court จนได้

หลังจากเดินไปรอบ ก็ตัดสินใจกันว่าจะจัดโจ๊กเป็นมื้อสุดท้ายให้หายอยากก่อนกลับ ร้านนี้เลย Ocean Empire Foodshop คนจะเยอะไปไหน

เมนูภาษาอังกฤษ ปลอดภัยหายห่วง

เมนูแรกโจ๊กหมู ฉันกับคุณสำลีสั่งมาเหมือนกัน ถ้วยละ 50 MOP แพงจนสะดุ้ง

คะแนนจานนี้ 2/5 ดาว 

ไม่ค่อยอร่อย เนื้อไม่เนียน หมูชิ้นฉีกออกแนวแห้งๆ ให้คะแนนเพราะโรยถั่วกับปาท่องโก๋มาโดยเฉพาะ

อีกเมนู ปาท่องโก๋ราคา 16 MOP ได้มาตัวเดียว แพงจุง

คะแนนเอาไป 2/5 ดาว พอ

เหนียวเชียว ไม่อร่อยสมราคาเลยซักกะติ๊ด TT

สรุปคะแนนมื้อนี้ 2.33/5 ดาว แบ่งเป็น
ความอร่อย             2/5         (คิดว่าแล้วแต่เมนูที่เลือก พอดีฉันไม่ค่อยมีเซนส์เรื่องนี้ T^T)
สถานที่                    4/5         (สะอาด กว้างขวาง นั่งสบาย)
การบริการ             N/A         (ลักษณะเป็นแบบ food court คือบริการตัวเอง)
ราคา                        1/5         (แพงมาก เมื่อเทียบกับราคามาตรฐานมาเก๊า แต่อยู่ในคาสิโนนี่เนอะ เศร้า)

ให้เรียงลำดับความอร่อยจากมากไปน้อยของโจ๊กกับปาท่องโก๋ตลอดทริป คงเป็น

Sea View Congee (เจ้าแรก) -> Hung Lee (เจ้าที่สอง) -> Ocean Empire Food Shop (The venetian)

ระหว่างกินโจ๊ก เหลือบไปเห็นร้านนมตุ่น Leitaria I Son เลยไปจัดมาซักหน่อย

มีทั้งแบบไข่

และแบบนมให้เลือก

ใส่ถั่วแดงกวน น่ากินชะมัด (คนข้างๆสั่ง)

ส่วนของพวกเรา ธรรมดาๆพอ สนนราคา 38 MOP

เมนูนี้ให้ 2.5/5 ดาว

ฉันไม่ค่อยชอบเพราะหวานจนขึ้นสมองกันเลยทีเดียว ถ้าใครชอบหวานๆน่าจะชอบ เนื้อนมนุ่มเนียนดีอันนี้ยกให้ แล้วเสริฟ์ร้อนๆหอมกรุ่นมาเลย

มหกรรมการกินยังไม่จบ พวกเราเดินหาทาร์ตไข่ Lord Stow’s อันลือชื่อกินต่อ

ระหว่างหาร้าน เรือกอนโดล่าเริ่มทำงาน มีลูกค้าประปราย

Canal มีอยู่หลายทิศ เดินจนงง แต่ในที่สุดก็เจอร้านทาร์ตไข่ Lord Stow’s มีคนกำลังเข้าคิวกันอยู่พอสมควร

ชิ้นละ 8 MOP เลยจัดมา 1 กล่อง 6 ชิ้น

เอาไปเลย 5/5 ดาว

กรี๊ด อร่อยอ่ะ ตัวไส้ไม่เลี่ยนมาก (ของฮ่องกงจะเลี่ยนกว่าหน่อย) ส่วนแป้งก็กรอบๆ ที่มาเก๊าจะต่างจากฮ่องกงตรงแป้ง ฝั่งฮ่องกงแป้งจะออกแนวพาย ส่วนมาเก๊าจะเป็นพัฟ อร่อยไปอีกแบบ จิ้นไปว่ากินตอนร้อนๆคงฟินมากมาย แต่ของพวกเราเค้าคงแพ๊คใส่กล่องไว้นาน มันเลยติดจะเย็น แต่ถึงกระนั้นก็ยังอร้อยอร่อย

สรุปความอร่อยของทาร์ตไข่ตลอดทริปจากมากไปน้อย

Lord Stow’s Bakery (ที่สุดท้าย) -> Tai Cheong Bakery (ตรง Central Mid-Level’s Escalator) -> ทาร์ตไข่ที่มาในติมซำร้าน Tao Heung Restaurant

กินเสร็จใกล้เที่ยง เลยต่อรถคาสิโนไปสนามบิน จริงๆวิ่งไปรถกำลังจะออกพอดี แต่ไปกระโดดขอไปเย้วๆอยู่ข้างๆรถ คนขับเลยเปิดให้ขึ้น  – -^ เนื่องจากกระเป๋าเค้าโหลดเข้าใต้ท้องรถกันเรียบร้อยไปแล้ว ก็เลยต้องลากขึ้นรถไปด้วย แต่แลกกับไม่ต้องรถอีก  15 – 30 นาทีก็คุ้มอยู่

สรุปคะแนน The venetian

3/5 ดาว

ส่วนตัวคิดว่า Canal เฉยๆ แต่งได้หรู อลังการ แต่ยังดูปลอมมากในสายตาฉัน ชอบตรงมีของอร่อยๆให้กิน คือรวบรวมของกินเจ้าดังมาไว้ที่นี่หมดแล้ว และมีรถรับส่งไปสนามบินบริการ

ที่นี่เป็นสนามบินเล็กๆ ขนาดประมาณสนามบินขอนแก่นบ้านเรา ตรวจตราไม่ค่อยเข้มงวดอะไรนัก ระหว่างโหลดกระเป๋า พนักงานมองหน้าแล้วถามว่า Are there any pregnant passenger? ฉันก็ทำหน้างงๆ เค้าเลยถามต่อ Are you pregnant? คุณสำลีระเบิดหัวเราะลั่นเลย แง หนูอ้วนขึ้นจนพี่ต้องถามหรือมันเป็นระเบียบว่าพี่ต้องถามอยู่แร้นนนนน

ซึ้อของฝากเป็น  Almond Cake เพิ่มเติม (ซึ่งค้นพบว่าไม่อร่อยเลย 555) แล้วก็ได้เวลาเรียกขึ้นเครื่อง อันนี้ต้องระวังนิดนึง ตอนเค้าเรียกขึ้นเครื่อง พวกเราเดินไปเข้าห้องน้ำ ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที Final Call เลย วิ่งตับแล่บกันเลยทีเดียว เลยกลายเป็น 2 คนสุดท้ายที่ได้ขึ้นเครื่อง ทั้งๆที่มาถึงเป็นคนแรกๆ

ขอเมฆนุ่มๆบนฟ้าหลังปิดฉาก

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด คนละ

ค่าเครื่อง                                7,000 บาท
ค่าที่พัก                                  6,000 บาท
ค่าตั๋ว + อาหาร + ของฝาก      10,000 บาท

รวมทั้งหมด 23,000 บาทถ้วน

ขอบคุณที่ตามอ่านกันมาจนจบ เป็นการเดินทางออกนอกประเทศด้วย(เงิน)ตัวเองครั้งแรกที่ประทับใจมากๆ  หวังว่าpost series นี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกๆท่านไม่มากก็น้อย 🙂