เป็นวันที่น่าจดจำที่สุดในทริปนี้เลยทีเดียว
ตารางเที่ยววันนี้
17 Feb 2015
เข้าใจแล้วก็ไปกันเล้ยยยยยยยยย
อาหารเช้าเหมือนเมื่อวานเป๊ะ ทานเสร็จก็ต้องออกมาถ่ายรูปเป็นพิธี (ยังไม่เลิกเห่อหิมะ)
เอาไปอีกแชะ
ถ่ายรูปกันจนพอใจก็ไปรอคนมาส่งรถที่ reception ของโรงแรมเพราะวันนี้พวกเราเช่ารถมาขับกัน
จากที่เล่าไปแล้วว่าทัวร์ยอดฮิตของ Cappadocia จะมีอยู่หลักๆ 2 แบบ คือ Green Tour ที่พวกเราไปกันมาเมื่อวาน ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ทางแถบตอนใต้ของ Cappadocia ทั้งหมด ส่วน Red Tour จะครอบคลุมพื้นที่ทางแถบตอนเหนือ ตอนที่จะจองโรงแรมนี้ ฉันส่งอีเมล์คุยกับทางโรงแรมว่าเป็นไปได้ไหมที่จะจองทั้ง Green Tour 1 วันและ Red Tour วันรุ่นขึ้นพร้อมบอลลูนแล้วขอส่วนลด ทางโรงแรมตอบกลับมาว่า Green Tour จองๆไปเหอะเพราะไปลำบาก และ Red Tour ไปเองเต๊อะ อีกทั้งโรงแรมมีบริการรถรับส่งไป Goreme Open-air Museum กับ Rose Valley ด้วย ที่เหลือก็ขึ้นรถบัสกันไป อีกทั้งสอบถามเรื่องการไปอีกเมืองหนึ่ง ทางโรงแรมตอบมาว่า เดี๋ยวค่อยมาคุยกันอีกที ฉันเป็นคนที่ถ้าไร้แผนแล้วจะไม่มั่นใจ กลัวจะไปงงๆที่นั่นเลยเคว้งนิดนึง
ระหว่างกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะจองหรือไม่จองดี คุณสำลีก็โพล่งขึ้นมาว่า เช่ารถขับกันไหม? จะได้ขับไปอีกเมืองด้วย เอิ่ม แน่ใจ๋ ขับได้หรอเพ่ พวงมาลัยก็คนละข้าง ทางก็ไม่ชิน ราคาแพงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้เว็บนี้มา http://www.economycarrentals.com/ กดดูราคาไม่ยาก จะสาธิตให้ดู
พอเข้าหน้าเว็บจะเจอแบบนี้เลย ก็ใส่ไป ประเทศ เมือง วันเวลาส่งรถรับรถ มันพิเศษอยู่ที่ว่า สามารถให้รถมาส่งที่โรงแรมได้เลย แถมยังให้ไปรับรถต่างสถานที่ (Return car to another location?) เช่น พวกเรามีแผนจะขับไปต่ออีกเมืองหนึ่ง ก็ให้ไปรับที่โรงแรมปลายทางเลย
ใส่รายละเอียดเบื้องต้นเสร็จ ก็จะเข้าสู่หน้าที่ให้เลือกรถ filter ได้ว่าอยากได้รถแนวไหน Small/Economy , Automatic หรือจะดูมันทั้งหมดก็ได้
จะมีรายละเอียดของรถแต่ละคันขึ้นมา เลือกดูได้ตามใจชอบเลย จะขอเสริม GPS, Wifi (เดี๋ยวมาดูกันว่าเป็น Wifi แบบไหน), Winter Tires, Snow Chain อะไรก็เลือกๆเอา เสร็จปุ๊บจะได้ยอดเงินที่จะต้องจ่ายเอง ทางเว็บจะเรียกมัดจำไว้จำนวนหนึ่ง ทีเหลือจ่ายสดวันจริง
เสร็จแล้วจะมี Voucher กับใบเสร็จส่งเข้าเมล์เราเอาไปยืนยันวันจริง
พวกเราจองรถรุ่น Yaris หรือเทียบเท่า 2 วันคือส่งเช้าวันนี้ คืนดึกๆพรุ่งนี้ที่โรงแรมอีกเมือง เลือกอุปกรณ์เสริมเข้ามาคือ GPS, wifi (ที่ต่อกับ device ได้ 5 เครื่องตามโฆษณา), snow chains, winter tires (2 อย่างหลังนี่เอามาเผื่อเฉยๆ โปรโมชั่นฟรีพอดี ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้ใช้เพราะดูพยากรณ์อากาศแล้วไร้หิมะ ใครไปหน้าหนาวๆติดๆไว้ก็ดีค่ะ)
คุณสำลียังเอ๊าะอยู่ เลยโดนบวกค่า young driver ไปอีก พอดีว่าจองล่วงหน้าหลายเดือนเลยไม่ค่อยแพงนัก เบ็ดเสร็จ 38 EUR (1,425 THB) ให้มัดจำก่อน 8 EUR ที่เหลือจ่ายสดหน้างาน
ยังไม่ถึงเวลานัดรับรถเลยด้วยซ้ำ คุณสำลีก็สะกิดแล้วบอกว่า คนที่นั่งถัดไปอีกนิดหนึ่งน่าจะเป็นคนมาส่งรถเพราะไม่เหมือนแขกโรงแรม แล้วก็เป็นจริงอย่างว่า
มาถึงก็ขอใบขับขี่สากลก่อนเลย (อย่าลืมไปทำกันมานะคะ 505 THB ถ้วน) เซ็นเอกสารเสร็จปุ๊บก็พาออกไปสำรวจรถ พร้อมกับให้ Wifi มา (มาเป็นเครื่องเลย)
เอิ่ม Yaris ตรู มารุ่นอะไรฟระเนี่ย
นอกจากจะพวงมาลัยซ้ายแล้ว มันยังเป็นเกียร์ manual ค่ะท่านผู้ชม (เค๊าลืมเลือก Automatic เอง ขอโต๊ดนะคุณสำลี) แถมยังมาด้วยสภาพน้ำมันเหลือขีดเดียว (ตรูว่าตรูเลือกเต็มถังไปแล้วนะ ถามเค้าบอกว่าวิ่งได้อีก 100 กิโล ไปหาน้ำมันเติมได้ที่เมือง Avanos หรือ Urgup) GPS ที่ได้มาก็ภาษาตุรกีอีก แม้จะเปลี่ยนเป็นอังกฤษแล้ว แต่พอพิมพ์อังกฤษมันดันหาไม่เจอ (ชื่อสถานที่ที่มันรู้จักเป็นภาษาตุรกีหมด) wifi คือที่พึ่งพิงสุดท้ายเรื่องทางในวันนี้สินะ
กระบวนการสุดท้ายคือการตรวจเช็ครอยรอบรถ ถ่ายรูปเก็บไว้กันเหนียวด้วยยิ่งดี คนมาส่งรถพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่ก็พอจะสื่อสารได้ ฉันถามเรื่อง snow chains อยู่ 3 ครั้ง แต่เค้ามัวแต่ยุ่งๆตรวจรับรถกันก็ขี้เกียจเซ้าซี้ คิดว่า ยังไงซะรถก็ใส่ winter tires มาแล้ว คงจะไม่ต้องใช้ snow chains หรอกมั้ง…
พร้อมไปแล้ว ขอนำเสนอแผนที่ท่องเที่ยวในวันนี้ ที่เห็นสีเขียวคือเส้นทาง Green Tour ที่เราไปกันเมื่อวาน สีแดงคือเส้นทาง Red Tour ที่พวกเราจะขับรถกันไปเองวันนี้ ใกล้กว่ากันแยะ
ไปกันได้จริงๆซักที ที่แรก Goreme Open-air Museum อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม แต่ขับงมกันอยู่นาน lane ไหนเป็น lane ไหนงงไปหมด จริงๆที่หลงเพราะ Google Maps นะขอบอก ทางที่เวิร์คที่สุดคือดู map ข้างบน ดูป้ายบอกทางกับถามทางเอา คนใน Goreme หรือเมืองใกล้เคียงแทบทุกคนพุดอังกฤษได้เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว ไม่ต้องห่วง
ยังไม่ทันไรก็เสียค่าที่จอดรถไป 6 TL ไม่แน่ใจว่าจอดถัดไปข้างล่างแล้วยอมเดินไกลหน่อยจะเสียเงินหรือเปล่า แต่ไหนๆจอดของเค้าแล้วก็ต้องจ่ายล่ะ
ค่าตั๋วคนละ 20 TL ถ้วนจ้า
จ่ายแล้วก็เข้าไปเลย เห็นแล้วต้องร้องอู้วหู้วววว ดรีมเวิลด์ชิดซ้าย ณ จุดๆนี้ เดี๊ยนฟินจริงๆ ถึงจะหนาวแต่ก็สู้ตาย
Goreme Open-air museum คือศูนย์รวมของโบสถ์ต่างๆนั่นเอง เป็นโบสถ์ในรูปแบบถ้ำในปล่องไฟนางฟ้า ซึ่งภูมิประเทศที่เป็นลักษณะเด่นของ Cappadocia เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อหลายพันปีก่อน ถูกสภาวะอากาศกัดกร่อนเป็นรูปทรงต่างๆ วันนี้จะเห็นเยอะมาก (เมื่อวานขาวไปหน่อยเลยไม่ค่อยเห็นอะไรมากนัก)
ในโบสถ์ก็จะมีภาพเขียนเฟรสโก้ frescoes ให้ได้ชมกัน (ห้ามถ่ายภาพ แล้วแกถ่ายมาได้ไง) อันนี้ถ่ายมาได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่หนีไปสูบบุหรี่ เอิ่ม
ถ้าใครสนใจภาพเขียนเฟรสโก้ ห้ามพลาด Dark Church เด็ดขาด เนื่องจากมีแสงสว่างน้อยเลยทำให้เป็นภาพเฟรสโก้ที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ต้องเสียค่าเข้าเพิ่มอีกคนละ 10 TL นะจ๊ะ
ส่วนใครที่ไม่สนใจจะเสียเงินเพิ่มก็ขอให้ขึ้นมาถ่ายรูปวิวหน้าโบสถ์ เพราะมันสวยเจ่งๆ
นอกจากจะมีโบสถ์แล้วยังมีครัว ห้องรับประทานอาหาร ที่เก็บอาหาร มาเป็น pattern ผนังดำๆแบบนี้ ห้องครัวแน่นอน
เดาง่ายมาก โต๊ะรับประทานอาหารนั่นเอง
ปีนป่ายเข้าโบสถ์โน้นออกโบสถ์นี้ ถ้าใครศรัทธาศาสนาคริสต์คงจะเอ็นจอยอยู่ ขนาดพวกเราชาวพุทธดูภาพเขียนไม่รู้เรื่องยังสนุกเลย
ปลื้ม เหมือนเมืองเทพนิยาย
วิวก็สวย
วนเวียนอยู่ประมาณชั่วโมงกว่าก็ได้เวลาเคลื่อนทัพ
ที่หมายต่อไปของเราคือ Love Valley หุบเขาแห่งความรัก จะเป็นยังไงทำไมถึงได้ชื่อนี้ ไปดูกัน
สังเกตอะไรกันไหม
มันอาจจะยังไม่ชัด ซูมเข้าไปหน่อย เหมือนอะไรหว่า ทิ้งให้ขบคิด อิอิ
เอา panorama ไป 1 ภาพ
คือมีมาอยู่ 2 คนจริงๆ โดดเดี่ยวไปไหม
เอาคุณสำลีใส่เข้าไป นึกว่านายแบบโฆษณารถ
มีนายแบบก็ต้องมีพริ๊ตตี้ กะปุกลุ๊กมาก
มีร้านค้าอยู่ 1 ร้านถ้วน เข้าไปหลบหนาวอยู่แป๊บหนึ่ง
คนแถวนี้ยังฟินกับ Love Valley ไม่เลิก
แถมให้อีกมุม
เล่นอยู่ประมาณ 15 นาที ก็ออกเดินทางไปที่หมายถัดไปนั่นคือ Pasabag นั่นเอง ถนนร้างไปไหม
แต่ Google Maps พาหลงไปเมือง Avanos เฉย เลยเติมน้ำมันซะเลย ขับไปถึงแล้วยื่นกุญแจรถให้เด็กปั๊ม บอก Euro Diesel เพ่
น้ำมันลิตรละ 3.55 TL กะไม่ถูกเลยเติมมัน 50 TL ได้มา 2 ขีดครึ่ง
เติมน้ำมันพอให้อุ่นใจแล้วก็เที่ยวกันต่อ ในที่สุดก็หา Pasabag จนเจอ เพราะถามทางเด็กปั๊มมาเมื่อกี้ จริงๆไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับที่นี่
แต่สวยจ๊าบมาก วิวน่าจะสวยที่สุดของวันนี้แล้ว นึกว่าอยู่บนดวงจันทร์
ก่อนชื่นชมวิวมาฟังประวัติกันก่อน Pasabag หรือ Monk Valley มีตำนานเล่าขานว่า St Simeon เป็นพระชื่อดังเพราะมีข่าวลือสะพัดไปว่า ท่านมาพลังวิเศษ จึงได้รับความสนใจจากชาวบ้าน ท่านเลยแบบ โอ้ยยยยย อะไรฟระเนี่ยยย ตรูไม่ใช่ดารานะเฟ้ย เลยหลบหนีมาอยู่อย่างสันโดษบนหนึ่งในปล่องไฟนางฟ้ากับสานุศิษย์ จะลงมาเอาอาหารเท่านั้น
สูงขนาดนี้ ท่านปีนขึ้นไปได้ยังไง อดีตนักกายกรรมแน่ๆ ดูสเกลซะก่อน คนตัวกะปิ๊ด
ที่นี่จะเป็นปล่องไฟนางฟ้าทรงเห็ด คิดถึงมาริโอ้
ปีนเขาขึ้นไปชมวิว อย่างอลัง
ไม่มีใครปีนขึ้นมาดูเลยแฮะ เปลี่ยวกันอยู่ 2 คน
ฝึกวิชา
ย้ากกกกกกกกกกก
วิวข้างหน้าว่าสวยแล้ว หันหลังไปแทบเป็นลม
ซูมมมมม
จัด paranoma ซักภาพ
แดดเริ่มออกนิดหน่อย พวกเราเริ่มมีหวังจะได้ขึ้นบอลลูนรอบบ่ายเลยขับไปส่องบริษัทบอลลูนแถว Avanos แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะขึ้นได้ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แวะร้านปั้นหม้อข้างๆมันซะเลย
เข้าไปถึงก็ไปยืนงงๆ บอกเค้าว่าอยากดูปั้นหม้อ พนักงานก็ถามว่ามากับทัวร์หรือไม่ ฉันเลยบอกว่าเปล่าแต่อยากดู เค้าก็เลยพาเราไปปล่อยไว้ในห้องชมปั้นหม้อ
ซักพักช่างปั้นหม้อหรือที่เรียกกันว่า master ก็มาสาธิตการปั้นหม้อให้เรา 2 คนดู Exclusive ไปไหม พร้อมกับพนักงานคนเดิมมาบรรยาย
Avanos เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการปั้นหม้อมาก เหมือนเครื่องปั้นดินเผาจากเกาะเกร็ดอะไรประมาณนั้น ถ้าเป็นการปั้นแบบ master piece ของที่นี่ยังเป็นแบบ manual คือใช้เท้าถีบแป้นหมุนเอา (ต้องแข็งแรงมาก ณ จุดๆนี้) แต่ถ้าเป็นแบบ mass product ก็ใช้แป้นที่มีมอเตอร์แบบบ้านเรา
สมัยก่อนผู้ชายทุกคนต้องปั้นหม้อไปสู่ขอลูกสาวบ้านอื่น โดยจะต้องปั้นหม้อที่ฝาปิดสนิท ถึงจะแต่งกันได้นะ อิอิ
พอปั้นกันเสร็จก็พาชมกระบวนการถัดไป คือการอบและลงสี
ไล่จากการอบ 1 ครั้ง จะได้สีขาวตามที่เห็น และ master จะวาดลาย (เหมือนลงดินสอสีดำบนพื้นขาว) ลงสี เคลือบอะไรซักอย่าง (ที่เห็นขาวๆ) พอเอาไปเผาอีกรอบก็จะเป็นชิ้นที่เสร็จสมบูรณ์
ไม่รู้เค้าเรียกกันว่าอะไร แต่เป็นทรงที่ทำยากที่สุด เป็นที่ใส่ไวน์ อันเล็กสอดมือเข้าไปเวลาริน อันใหญ่สะพานไหล่เอา
ชมไลน์การผลิตเสร็จแล้ว ก็ขึ้นมาชมผลิตภัณฑ์กันต่อ
มีแบบเรืองแสงด้วยนะ ถ้าเป็น master piece จริงๆ แต่ละชิ้นเป็นแสน เชียร์ยังไงก็ซื้อไม่ได้หรอกค่ะพี่ ไม่มีเงิน
สุดท้าย ก็ต้องกัดฟันซื้อมาหนึ่งชิ้นพอเป็นมารยาท (อุตส่าห์พาเข้าชมซะขนาดนั้น) ได้ชามมาในราคา 35 TL จากราคาเต็ม 55 TL เพราะเค้าลดให้พิเศษ 30% (ก็เห็นว่าลดให้ทุกคน) แถมไปเดินเจอชามแบบเดียวกันที่ Spice Market ราคาราวๆ 4-6 TL ร้องไห้หนักมากกก เอาวะ ถือเป็นค่าพาชม
จุดมุ่งหมายต่อไป Devrent Valley หรือ Imagination Valley หุบเขาแห่งจินตนาการ อยู่ทางเดียวกับ Pasabag เมื่อกี้เลย
ระหว่างทางเจอแก๊งจักรยาน -0- แข็งแน่ๆ ขนาดออกจากรถไปแว็บๆยังสะท้าน นี่เล่นปั่นจักรยาน แซงแม่ม
ที่ได้ชื่อว่า Imagination Valley เพราะว่าหินแถบนี้ถูกธรรมชาติแปรสภาพเป็นรูปต่างๆให้คนได้จินตนาการกัน ตอนแรกคิดว่าจะหาได้เจอง่ายๆ นี่ขนาดมีโพยไปพร้อมรูปตัวอย่าง ตรูยังหาไม่เจอ
ได้อูฐมาตัว
ปีนป่ายอยู่ครึ่งชั่วโมง ได้มาแต่วิว หาไม่เจอจริงๆ 555
งามๆทั้งนั้น
อยู่กันโดดเดี่ยว 2 คน มีนักท่องเที่ยวมาบ้างประปราย แต่ไม่มีใครปีนขึ้นมาเลย สบายเรา
เกิดเหตุการณ์ตื่นเต้นคือกุญแจดันแข็ง บิดไม่ไป ซีดเลย ฉันวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือเจอคนขับรถตู้ ตอนแรกเค้าคุยโทรศัพท์อยู่ก็ส่ายหัวอย่างเดียว แต่ก็ขับตามมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่างนั้นคุณสำลีสตาร์ทรถติดพอดีเลยรอดตัว
กลับไปกินข้าวกันที่ Goreme ดีกว่า เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว มัวแต่เที่ยว
อาหารรรรรรรรรรรรรรรรรรร หิวจัด รถจอดปุ๊บ เดินดุ่มๆเข้าร้านใกล้สุด
สั่งอาหารขึ้นชื่อของเมือง Cappadocia มาเลย Kebab หม้อดิน 22 TL
มาถึงก็ตอกโป๊กๆ เทใส่จานโช๊ะ
จาน meat ball 15 TL
น่ารักมุ้งมิ้งอยู่ร้านนี้ ติดที่ว่าเจ้าของหน้าโหดไปหน่อย
กินเสร็จเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงกว่าพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว พวกเราเลยต้องเร่งมือหน่อย เหลืออีกตั้ง 4 ที่ (แกจะชะโงกทัวร์กันหรอ)
เริ่มด้วย Goreme Panorama แก้มือเมื่อวาน
พระอาทิตย์ อย่าเพิ่งโต๊กกกกกกกกกกกกกกกก
สภาพทัศนวิสัยดีกว่าเมื่อวานเยอะมาก
ท่าอะไร = =
นี่เราอยู่บนโลกมนุษย์?
คุณสำลีเอาโค๊กมาแช่ แกยังจะแช่อีก หนาวจะตายอยู่แล้ว
ต่อไป Uchisar Castle ที่ทัวร์ไม่ยอมพาไปเมื่อวาน ไปกันเองก็ได้ฟระ
ค่าเข้าคนละ 6 TL หน้าหนาวเปิดถึง 5 โมงเท่านั้น มาได้เฉียดฉิวพอดี
เดินอุ่นๆอยู่ข้างในได้ 3 นาที ทางมันนำออกมาข้างนอกเฉยเลย ขึ้นบันไดกันจนเหนื่อย หิมะพัดกระหน่ำเต็มหน้า สู้วววววววววว
ในที่สุดก็ถึงยอดปราสาท ดีใจประหนึ่งถึงยอดเอเวอเรสต์
มองลงไปข้างล่าง เสียวเหมือนกัน
ต้องหยอดเงินถึงจะใช้ได้ เชอะ ไม่ส่องก็ได้ (เสียดายเงิน)
ขึ้นไปเย้วๆได้แป๊บเดียวก็ทนไม่ไหว เดินไปขึ้นรถขับไปจุดหมายต่อไป Pigeon Valley แก้มือเมื่อวาน
ลานปาหิมะเมื่อวาน ค่อยมองเห็นพื้นหน่อย
ถึงแม้ไม่มี Pigeon ซักตัว แต่วันนี้เห็น Valley เฟร้ยยยยยยยยยย
ไม่ได้สวยเท่าที่อื่นๆ แต่ก็โอเคอยู่
เห็น Uchisar Castle จากตรงนี้ได้ด้วย
ถ่ายรูปกันอยู่ 5 นาทีก็ต้องรีบไป Sunset Viewpoint (Rose Valley/Red Valley) แล้วแต่คนจะเรียก มีลักษณะเด่นตรงนี้หินเป็นสีแดง สะท้อนยามพระอาทิตย์แล้วสวยมาก
งมทางกันอยู่พอสมควร จอดถามนักท่องเที่ยวชาว Russia เป็นมิตรมากจนน่าตกใจว่าคน Russia จริงหรอ พาไปถามไกด์ ไกด์ไม่รู้ยังลากไปถามคนท้องถิ่น เค้าบอกทางแล้วถามว่าจะไปกันทำไม ไม่มี Sun เอิ่มมม ก็มาแล้วอ่ะพี่ อยากเห็นหินแดงๆกะตาตัวเอง ได้ทางมาก็บึ่งกันเลย
วันนี้มีกันอยู่ 2 คนจริงจัง ไปแต่ละที่ ไม่มีคนเลย
แม้จะไม่มีพระอาทิตย์ตก แต่ก็สวยไม่เบา
หินแดงจริงๆด้วย
มีโซฟาให้นั่งสำหรับดูพระอาทิตย์ตกด้วยนะ
ธรรมชาติจงมอบพลังให้แก่ข้า
รถคู่ใจเราวันนี้
เปลี่ยวกันอยู่ 2 คนแถวนั้นจนมืดก็ได้เวลาขับรถกลับโรงแรม
ขับรถมาแถวเมือง Goreme เจอ Hamam ซึ่งก็คือโรงอาบน้ำโบราณของตุรกี มองหน้ากันอยู่ 2 วินาทีก็ตัดสินใจเข้าไปลอง
เสียไปคนละ 25 EUR ยูโรนะไม่ใช่ลีร่า ซึ่งถือว่าถูกแล้ว ถ้าไปเข้าใน Istanbul จะแพงกว่านี้มาก ที่หรูๆ อาจจะถึง 60-80 EUR
ถ่ายรูปไม่ได้แต่จะขอเล่าประสบการณ์วาบหวิวให้ฟัง
พอเข้าไปก็จะให้เปลี่ยนเสื้อผ้ามานุ่งผ้าสโร่งผืนเดียว (แยกชายหญิงนะคะ อย่าได้ตกใจไป) พนักงานเอาดินเขียวๆมาพอกหน้า เสร็จแล้วก็พาไปนั่งร้อนๆในเซาวน่าอยู่ 15 นาที และแล้วก็ถึงของจริง
ก้าวเข้าไปในส่วนอาบน้ำ แม่เจ้า ทำไมมันช่างอร่างฉ่างแบบนี้ ชนชาติตะวันตกนี่ ผ้าที่เข้าให้มาพัน พวกนางเอามารองนั่ง แก้ผ้าคุยกันสัพเพเหระ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี จะอายรองลงมา ไทยกับอินเดียที่อายสุด ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แอบดีใจที่ไม่มีคนรู้จักมาด้วย
ขั้นตอนสำคัญคือการขัดผิวและอาบน้ำด้วยฟองสบู่ ต้องนั่งรอ(ทำใจ)อยู่ครึ่งชั่วโมงจะถึงคิว ระหว่างรอก็นั่งดูคนอื่นโดนขัดถูไป แล้วก็คิดไปว่า ตอนเราไปอยู่ตรงจุดนั่นก็ต้องมีคนมาจ้องอย่างนี้เหมือนกัน TT พอถึงคิว พนักงานสาวนุ่งบิกีนี่ก็ให้เราถอดออกทั้งหมดและใช้ใยบัวขัดผิวให้ เสร็จปุ๊บก็ไปนอนบนที่อาบน้ำแบบนี้
แต่เปลือยหมดเลยนะ >< ตอนแรกนอนคว่ำ พนักงานสาว(เหลือน้อย) ก็จัดการเอาโฟมชะโลมตัว ถูๆๆๆๆ บีบหมด ก้นเกิ้น ซักพักถูกสั่งนอนหงาย นมเนิมถูกถูจนเกือบแบน แม้จะอายแต่ก็สังเกตได้ว่ามือนิ้วของพนักงานเปือยมาก คงทำงานมาทั้งวัน
แม้จะยังรู้สึกสกปรกเหมือนเดิม 555 แต่ก็อุ่นขึ้นเยอะ ช่วยได้เยอะในวันที่หนาวเหน็บแบบนี้
พอออกมาข้างนอกเจอรถแล้วอึ้งเลย
หลังจากเอาน้ำแข็งที่ติดอยู่ออกได้สำเร็จ ก็ไปหาอะไรกินง่ายๆกันสั่ง kebab กลับไปกินที่โรงแรม อันละ 3 TL แต่ไม่อร่อยสุดๆ
จบวันกันแต่เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้ต้องจากกันแล้วสินะ Cappadocia