3000 miles in USA (West Coast) EP3

สำหรับ EP3 เรามาต่อกันที่ Day 9 – Day 12 ค่ะ ใครยังไม่ได้อ่าน EP แรกๆ ตามนี้เลย
Day 1 – Day 4 https://wp.me/p6REJW-1gv
Day 5 – Day 8 https://wp.me/p6REJW-1gO

Day1 01/04 โบยบินไปตั้งหลักที่ San Francisco
Day2 02/04 Lake Tahoe ตะลุยทะเลสาบบนเทือกเขาสูง ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา
Day3 03/04 Yosemite National Park บุกป่าไปหาหมีกริซลี่
Day4 04/04 Monterey & Carmel-by-the-sea มุ่งใต้ไปดูปลา
Day5 05/04 Morro Bay, Solvang, & Santa Barbara เลียบหาดชมมหาสมุทรแปซิฟิก
Day6 06/04 Los Angles จะไปคว้าดาวที่ฮอลลิวู้ด
Day7 07/04 Universal Studio Hollywood สวนสนุกของเมืองแห่งนางฟ้า
Day8 08/04 Las Vegas เยี่ยมชมเมืองคนบาป
Day9 09/04 Lake Mead, Hoover Dam, & route 66 ต้นทางเส้นทางทะเลทราย
Day10 10/04 Grand Canyon National Park สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง
Day11 11/04 Antelope Canyon ตามหาภาพแบคกราวนด์ Windows
Day12 12/04 Zion National Park เดินป่าตากแดดตัวดำ
Day13-14 13-14/04 San Francisco ตามล่าหาสะพานแดง

 

Day 9 (09/04) Lake Mead, Hoover Dam, & route 66 ต้นทางเส้นทางทะเลทราย

ก่อนจะออกไปไหนในวันนี้ ไหนๆก็มาถึง Las Vegas แล้ว ขอไปจัดบุฟเฟ่ต์ที่ Wicked Spoon กันก่อน

จำราคาที่แน่นอนไม่ได้ค่ะ น่าจะประมาณเกือบ $40 ไม่แย่แต่ก็ไม่ดีขนาดคิดถึง

Lake Mead

ขับมุ่งหน้าออกจากตัวเมืองอีก 50 กิโลเมตรไปที่ Lake Mead ซึ่งอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของอเมริกาในแง่ของการกักเก็บน้ำโดยเชื่อมต่อกับเขื่อน Hoover Dam

ไหนอ่านในเน็ตว่าเป็นสถานนี่พักผ่อนที่ยอดเยี่ยม ร้อนระอุจนเกือบระเหิด

Hoover Dam

ห่างกันไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงเขื่อนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของอเมริกาจากภาพยนตร์หลายเรื่อง (หนึ่งในนั้นคือ transformer) และเขื่อนคอนกรีตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เดิมรู้จักกันในชื่อ Boulder Dam เป็นเขื่อนคอนกรีตรูปโค้ง กั้นแม่น้ำ Colorado บนเขตแดนระหว่างรัฐ Arizona กับ รัฐ Nevada ได้รับการผลักดันโครงการสร้างเขื่อน โดยประธานาธิบดี Herbert Hoover

ขึ้นไปชมวิวเขื่อนจากสะพาน Mike O’Callaghan-Pat Tillman Memorial Bridge กันได้เลย

เรามาจาก Nevada

ข้ามสะพานไปปุ๊บ Arizona เลย

มองจากสะพานลงไป นั่นเป็นถนนที่เดี๋ยวจะพา speedo ไปโลดแล่น

Route 66

วิวระหว่างจะเข้า Route 66 โหดแบบงงๆ

เส้นทาง route 66 เป็นถนนแรกที่เชื่อมระหว่างฝั่ง West และ East เริ่มจากที่ Los Angeles ไปสุดที่ Chicago

ขับจากเขื่อนอีกประมาณ 300 กว่ากิโลเมตร เราอาศัยถนนเส้นนี้ขับไปที่พักในเมือง Williams เมืองรวมที่พักยอดฮิตสำหรับคนไม่มีเงินไปพักใกล้ๆ Grand Canyon วันนี้ต้องรีบนอนเพราะพรุ่งนี้มีภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการตื่นไปถ่าย sunrise ที่ Grand Canyon นะแจ๊ะ

Day 10 (10/04) Grand Canyon National Park สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง

วันนี้ตื่นไม่เช้ามาก แค่ต้องออกตี 4 เพื่อขับรถอีกประมาณ 100 กิโลเมตรไป Grand Canyon เท่านั้นเอ๊งงงง (นี่มาเที่ยวหรือค่ายทหาร)

Grand Canyon

Grand Canyon ที่เรามาจะเป็นฝั่ง South Rim ซึ่งเป็นฝั่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวมากที่สุด แต่ถ้าไม่มีเวลามากก็สามารถไป West Rim จาก Las Vegas ได้แบบไปเช้าเย็นกลับ โดยที่ West Rim สามารถเดินไปชมวิวผาหินบนกระจกโค้งรูปเกือกม้าที่ยื่นออกไปได้ เสียค่าเข้าชมแพงมาก (คนงบน้อยอย่างเราเลยไม่ไปไง) แถมไม่ให้เอากล้องเข้าไปถ่ายรูปด้วย อีกแห่งคือที่ North Rim ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไร

เราไปปักหลักถ่ายทำ sunrise กันที่จุดที่ชื่อว่า Pipe Creek Vista

กว่าจะรอให้คุณสำลีถ่ายได้รูปนี้มา ฉันก็ได้ผ่านความหนาวที่สุดในชีวิตมาแล้ว นี่ขนาดว่ามาเดือนเมษานะเนี่ย

ดวงอาทิตย์ จงมาาาา

Grand Canyon เป็นหุบเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ Colorado มานานนับล้านปี จนหินผาเหล่านี้ทรุดลงกลายเป็นหุบผาที่ต่ำกว่าพื้นดินปกติ ลักษณะของชั้นหินที่ถูกแม่น้ำตัดผ่าน มีอยู่ด้วยกันประมาณ 12 ชั้น โดยชั้นล่างสุดเป็นชั้นที่เก่าที่สุด ส่วนชั้นบนสุด เป็นชั้นที่ใหม่ที่สุด โดยในแต่ละชั้นก็มีสีสันแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ออกไปทางส้ม แดง เหลือง แซมด้วยสีน้ำตาล และดำ

มีรถ Shuttle Bus ให้นั่งไปตามจุดต่างๆเหมือน National Park ทั่วไป แต่สารภาพว่าวิวมันอลังเหมือนๆกันเลยแยกไม่ออกว่าแต่ละจุดชื่ออะไรตอนมาดูภาพทีหลัง ขออภัยมานะที่นี้ด้วยค่ะ

ตอนเดินดูก็เลียบผาแบบนี้เลย แอบหวาดเสียวเล็กน้อย

คุณสำลีไปจัดพาโนราม่ามาหนึ่งรูป

ถ่ายยังไงก็สวย อ้าวเห้ย ถ่ายติดชาวอินเดียที่ไหนเนี่ย

ขากลับเราใช้เส้นทาง Desert View Drive โดยแวะหอคอยชมวิว Desert View Watchtower ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมหน้าผา

วิวจากหอคอย แอบสวยนะเนี่ย

Glen Canyon Dam

ขับรถจาก Grand Canyon มาประมาณ 200 กิโลเมตร ก็จะเจอ Glen Canyon Dam แวะลงไปดูชมโค้งแม่น้ำ Colorado กับแนวหน้าผาอันสวยงาม (ซึ่งถูกบดบังด้วยผู้หญิงตัวใหญ่ไปครึ่งหนึ่งในภาพ) ซักนิด

ขับผ่าน Glen Canyon Dam Bridge ข้างๆ ช่างเป็นสะพานที่เหมือนผุดออกมาจากหน้าผาเสียนี่กระไร

Horseshoe Bend

กฎเหล็กของทริปนี้คือวันไหนมี sunrise ก็ต้องมี sunset ด้วย สำหรับวันนี้สถานที่ถ่ายทำ sunset ของเราคือที่ Horseshoe Bend เป็นโค้งน้ำรูปเกือกม้า โดยมีแม่น้ำ Colorado ไหลผ่านกลางหน้าผาอันสูงชัน

แสงหมดถึงเวลากลับ

ถ่าย sunset เสร็จก็รีบหอบสังขารไปหาอะไรกินง่ายๆแล้วรีบนอนเก็บแรงไปตะลุยต่อพรุ่งนี้ค่ะ

Day 11 (11/04) Antelope Canyon ตามหาภาพแบคกราวนด์ Windows

Lower Antelope Canyon

ต้องบอกว่าเป็นสถานที่ที่เห็นบ่อยมากจากแบคกราวนด์ Windows แต่ไม่รู้ว่ามันคือ Antelope Canyon นั่นเอง

การมาเที่ยว Antelope Canyon สามารถเลือกเข้าชม Upper Antelope Canyon ($40) ส่วนทางเข้า Lower Antelope Canyon ($25) ตั้งอยู่ตรงข้ามอีกฟากถนน โดยสำหรับการเข้าชม Lower Antelope Canyon ต้องเดินลงบันไดไปด้านล่าง ทางเดินภายในแคนยอนจะแคบและเดินยากกว่าที่ Upper และยังเคยเกิด Flash Flood (น้ำท่วมฉับพลัน) เมื่อปี 1997 ด้วย ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

แต่ถามว่าด้วยราคาแล้วทัวร์เก๊ของเราจะไปที่ไหนดี คำตอบคือ Lower Antelope Canyon

พวกเราเลือกใช้บริการของ Ken’s Tours ที่ไม่ได้จองไปก่อนเพราะคิดว่าคนไม่น่าจะเยอะเพราะเค้าไม่ได้อยู่สงกรานต์กัน แต่อนิจจา มันคือวันหยุด Easter จ้าาา ดีนะที่ไปเช้าเพราะสายๆคนเป็นล้าน

ยืนรอลงไปที่ Antelope Canyon ประมาณชั่วโมงหนึ่งได้ คุยกะฝรั่งแถวนั้นจนน้ำลายแห้ง ในที่สุดก็ถึงคิวพวกเรา อ๋อ ไม่ต้องกลัวนะคะ เค้าจะจัดไกด์ให้เราเดินลงไปเป็นกลุ่มๆ ถ้าน้ำท่วมฉับพลันมาไกด์จะไม่ให้ลงไปดูตั้งแต่แรก

เข้าสู่ด้านในก็จะเป็นโพรงคล้ายๆกับถ้ำ ผนังรอบด้านเป็นหินทรายซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำมานานหลายล้านปี จนเกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่ ที่มีลวดลายเป็นริ้วคลื่นตามร่องรอยของกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด

อันนี้มีชื่อนะ Lady with the Wind เพราะคล้ายกับผู้หญิงโดนลมเป่าจนผมสยาย

ปีนป่ายยากนิดหน่อย แต่ยังเห็นฝรั่งแบกลูกเล็กมาเที่ยวนะ ขึ้นหลังมาพร้อมกับ backpack เลย แอดแวนเจอร์มาก

Red Canyon

ขับมาอีก 200 กว่ากิโลเมตรก็มาถึง Red Canyon ซึ่งถูกกล่าวว่าเป็นสถานที่ที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในรัฐ Utah เนื่องจากสามารถเข้าถึง Red Canyon ได้ง่ายเพราะอยู่มันซะริมถนนเลย

ขึ้นไปปีนป่ายด้วยความกลัวแต่ขัดคุณสำลีไม่ได้ กลายเป็นท่าปีนแบบจิ้งจกนอนหงาย

Bryce National Park

สถานที่สุดท้ายของวันนี้ Bryce National Park ซึ่งตอนที่เราไปถึงก็เลยเวลาเปิดทำการของ National Park ไปแล้วเลยไม่ได้ใช้บัตร Annual Pass ที่ซื้อมาตามเคย Bryce Canyon เกิดจากหน้าผาที่เกิดจากการทับถมของตะกอน หินปูน หินทรายต่างๆ เมื่อหลายล้านปีก่อน ต่อมาเกิดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก และมีการกัดเซาะ ทั้งจากหิมะที่ปกคลุมในฤดูหนาว และจากอุณหภูมิที่ร้อนในตอนกลางวัน และความเย็นอย่างฉันพลันในตอนกลางคืน จึงเกิดเป็นแท่งหิน Hoodoo

เหมือนกันที่เคยไปดูที่เมือง Cappadocia ที่ตุรกีเลย แต่ตุรกีแอบสวยกว่านิดนึงเพราะตอนนั้นไปหน้าหนาวเลยมีหิมะด้วย

Day 12 (12/04) Zion National Park เดินป่าตากแดดตัวดำ

โปรแกรมวันนี้คือการไปแอ่วที่ Zion National Park ก่อนจะขับรถข้าม 3 รัฐไปขึ้นเครื่องที่ Las Vegas เพื่อกลับ San Francisco

เนื่องจากเป็นเทศกาลวันอีสเตอร์ของอเมริกา ประกอบกับความเหนื่อยล้าในการตะลอนเที่ยวทำให้พวกเราตื่นสาย ผลปรากฎว่าแค่ขับรถเข้า National Park ยังต้องต่อคิวยาวเป็นกิโล

Zion National Park ใช้ red cinders หรือขี้เถ้าสีแดงมาผสมเทราดบนผิวถนนจนทำให้ถนนกลายเป็นสีแดง กลายเป็นสัญลักษณ์ของ Zion ไปเลย แต่ก็นะ หินก็แดง ถนนก็แดง แดดก็แรง คือร้อนแรงมากวันนี้

ตรงนี้เรียกว่า Checkboard Mesa โดยมีลักษณะพื้นผิวด้านนอกเป็นตารางๆ ซึ่งเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และการหดขยายตัวของชั้นหิน Navajo Sandstone

เนื่องจากคนเยอะมว้ากกกก และเรามีเวลาจำกัด เลยได้แต่ไปเดินที่ Canyon overlook trail ที่เดียว ต้องบอกว่าเป็น trail ระดับเบสิกกุ๊กกิ๊กหัวใจสุดๆแล้ว

รวมเวลาไปกลับประมาณ 1 ชั่วโมง ระยะทางเกือบๆ 2 กิโลเมตร ทีเด็ดอยู่ที่ตรงนี้เลยค่ะ Canyon overlook

สาย hiking จะรู้กันว่า trail ที่เด็ดที่สุดของที่นี่มีชื่อว่า Angels Landing ใครสนใจไป search กันดูได้เลยนะคะ

ออกจากที่นี่บ่ายสองตรงแล้วก็รีบซิ่งไป Las Vegas เพื่อเติมน้ำมันให้เต็มถัง และคืนรถที่สนามบิน ขับกันมากว่า 3000 ไมล์ กับ Yaris คันนี้ (ขึ้นสัญญาณไฟ maintenance กันทีเดียว) ทุกวันนี้นึกถึงทริปนี้ทีไรก็คิดถึง speedo ทุกที

ได้เวลาบินกลับ San Francisco พบกัน EP หน้าค่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*