Hong Kong – Macau ตอนที่ 2 : บินลัดฟ้าสู่ฮ่องกง

จากแผนการท่องเที่ยวที่ทำล่วงหน้ามาประมาณ 6 เดือน แก้แล้วแก้อีก ค้นใน internet จนพรุนไปหมด ก็ได้ฤกษ์เดินทางซักที
post นี้จะเล่าเรื่องราวของการเดินทางไปท่องเที่ยวที่ฮ่องกงในวันแรก เริ่มตั้งแต่ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ ไปสุดที่ปากอ่าวฮ่องกงเพื่อชมการแสดงแสงสีเสียงท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ (จนคิดถึงอากาศร้อนที่ประเทศไทยเลยทีเดียว) 

แผนการท่องเที่ยวคร่าวๆของวันที่ 1 (10 ธันวา 2556)

05:00  สนามบินดอนเมือง
10:15   สนามบินเช็ค แลป ก๊อก (ฮ่องกง)
11:00   City Gate Outlet / Lunch @ Food Republic
12:00   Ngong Ping
17:00  เข้าที่พัก @ Hop Inn
18:00   Dinner @Sweet Dynasty
19:00   Symphony of Light/Avenue of Stars
21:30   เดินเล่นย่านมงก๊ก

หลังจากแหกขี้ตาตื่นมากรีด eye liner ตอนตี 4 คณะเดินทาง (ที่มีกันอยู่ 2 คน) เดินทางไปถึงสนามบินดอนเมืองประมาณตี 5 แม่เจ้า เคาน์เตอร์ Air Asia คนเยอะดีแท้ ขนาดคิดว่ามาเช้าแล้วนะ

1391839954-1DSC04199-o
หลังจากเดินเข้า Gate ผ่านด่าน ตม.ไทยแล้วก็ไปเดินลั่นล้าข้างใน มีร้าน Duty Free ประปราย ไม่อลังเหมือนสนามบินสุวรรณภูมิแต่ก็พอถูไถไปได้ มีร้านอาหารต่างๆที่คุ้นเคยกันดี เช่น McDonald S&P ฯลฯ ซึ่งสมกับเป็นร้านอาหารในสนามบินเพราะขายอาหารและน้ำดื่มกันในราคาทะยานขึ้นฟ้า

1391840029-2DSC02590-o

วันนี้ไม่มีงวงช้างให้เดินเท่ขึ้นเครื่อง แต่ Air Asia จัดรถบัสมาแทน พาไปวนรอบสนามบิน ชมเครื่องบินรุ่นต่างๆจนเคลิ้ม แล้วก็จอดแปะตรงเครื่องบินที่จะโดยสารไปกัน

1391840088-3DSC04214-o

วันนี้เมฆตรึมจริงๆ มีกันทุกชั้นบรรยากาศ ทุกแบบ ทุกทรง ถ่ายได้รูปสวยๆมาเยอะมาก แต่หมอกก็ลงทึบเช่นกันจนมองไม่เห็นเกาะฮ่องกง (เครียด เศร้า วิวที่หวังไว้ แง) ดูรูปเมฆน้อยกลอยใจแก้เศร้าไปก่อนละกันน้า

1391840156-DSC02616-o

รูปนี้คิดถึง gravity

1391840211-4DSC04243-o

ใกล้จะถึง แอร์จะเดินมาแจกใบตรวจคนเข้าเมืองให้ ควรกรอกให้เรียบร้อยตั้งแต่อยู่บนเครื่องเลย จะได้ไม่เสียเวลาที่ด่านตรวจ

1391840277-5DSC04245-o

ถึงสนามบินเช็ค แล็บ ก๊อก ตามเวลาคาดการณ์พอดี ต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินในสนามบิน ไปลงอีกที่เพื่อตรวจคนเข้าเมือง ไฮโซมาก

เนื่องจากอ่านเจอมาเยอะว่าอาจจะมีโอกาสโดนเจ้าหน้าที่ ตม. เรียกไปทักทายได้ ฉันเลยเตรียมเอกสารติดตัวมาพร้อม ทั้งนามบัตร (ที่ระบุสถานที่ทำงาน และตำแหน่งหน้าที่การงานชัดเจน) หลักฐานการจองโรงแรม ใบเช็คอินตั๋วเครื่องบินขากลับ แผนการท่องเที่ยว สุดท้าย ก็ไม่โดนอะไร อาจจะเป็นเพราะหน้าตาค่อนข้างอาหมวย ส่วนคุณสำลี นางหนักไปทางอินเดีย ก็ไม่โดนอะไรเช่นกัน รอดดดดด

ฉันเป็นพวกบ้าคลั่งถ่ายรูป (แบบไร้สาระและไร้ฝีมือ ใช้ intelligent mode สำหรับ intelligent person ฮา) ถ่ายโน่นถ่ายนี่ตลอดเวลา แล้วดันเสล่อไปถ่ายใน ตม. ไม่รู้ว่าเค้าห้ามถ่าย แต่ออกมาเบลอเลยลบทิ้ง ถูกเจ้าหน้าที่ตาไวเห็น (ก็เล่นถ่ายมันข้างหน้า ตม.) โดนเรียกตักเตือนแล้วบอกให้ลบรูป เจ้าหน้าที่ดุมาก พูดจีนปนอังกฤษแบบเสียงดังๆ เก๊ากลัว เก๊าขอโต๊ด ฉันเลยจำได้ขึ้นใจว่าห้ามถ่ายรูปที่ด่าน ตม. แต่อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมห้าม อาจจะกลัวคนรู้ทางหนีทีไล่เวลาแอบเข้าเมืองมั้ง

ไปถึงก็ตามหาร้านเพื่อซื้อซิมโทรศัพท์เพื่อใช้อินเตอร์เน็ตในฮ่องกงกันเลย แวะร้าน 1010 ที่ชั้น 6 departure (ขึ้นบันไดเลื่อนมา 1 ชั้นจาก arrival) ซิมสำหรับ iphone5 มีแบบเดียว ราคา 100 HKD เน็ตไม่อั้น โทรได้แต่ในประเทศ (เพื่อออ อิฉันจะโทรหาใครได้มิทราบ) ถ้าเป็นรุ่นอื่นถึงจะมีแบบโทรออกนอกประเทศกลับไปหาคนที่บ้านได้

1391840510-7DSC04287-o

หน้าตาเจ้าแพ็กเก็จซิม one2free iphone5

1391840588-8IMG2149-o

โปรแกรมถัดไปคือไป Ngong Ping ซึ่งสถานีทางขึ้นจะอยู่ตรงข้ามกับห้าง City Gate Outlet โดยที่พวกเราจะนั่งรถเมล์ไปกัน เพราะถูกมากเมื่อเทียบกับ Airport Express และไม่ช้ามาก แต่ก่อนอื่นจะต้องไปหาซื้อบัตรมหัศจรรย์ Octopus กันก่อน บัตรนี้มันทำได้ทุกอย่างจริงๆ  (เว่อร์ไป) ขึ้นรถเมล์ เรือ MTR หรือกระทั่งซื้อของในบางที่ก็ทำได้ ตอนนี้เห็นบัตร Rabbit บ้านเรา มีแนวโน้นจะพัฒนาให้เป็นแบบนั้นอยู่ คงจะสะดวกสบายขึ้นมาก

จากร้าน 1010 ลงไปข้างล่าง ไปตามทางป้าย To city จากภาพข้างล่าง ให้ตรงดิ่งไปซื้อบัตร Octopus ก่อน ซึ่งขายอยู่ที่เดียวกับเคานท์เตอร์ Airport Express จากนั้นเลี้ยวไปทางซ้ายเพื่อไปขึ้นรถเมล์

1391840766-9DSC04288-o

เจ้าหน้าที่สนามบินน่ารักมาก ตอนฉันพยายามถามคนแถวนั้นว่าซื้อไอ้เจ้าบัตรนี้ได้ที่ไหน เจ้าหน้าที่รีบเดินมาให้คำแนะนำเลย สรุปว่ายืนอยู่ตรงหน้าเคานท์เตอร์เลย ที่ขายบัตร Octopus จะเป็นเคาน์เตอร์สีเขียวๆแบบภาพข้างล่างนี้

1391840839-10DSC02644-o

ระหว่างที่ยืนรอซื้อบัตรกับมวลหมู่นักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่เรียกคนถัดไป อาเจ๊ข้างหน้ามัวแต่หาอะไรกันวุ่นวายก็ไม่รู้ อยู่ดีๆลุงจีนเนียนเดินเข้าไปตรงเคานท์เตอร์เฉยทั้งๆที่แกไม่ได้เข้าคิวอันยาวเหยียดสักกะติ๊ด ฉันนี่เหวอไปเลย แต่ไม่รู้จะว่าเฮียแกว่าอะไรเพราะพูดภาษาจีนไม่เป็น พี่แกก็เนียนได้เร็วมากด้วย -*- แค้น

นี่ไง ได้มาแล้ว บัตรมหัศจรรย์ Octopus เริ่มต้นที่ 150 HKD มือแอบเหี่ยวเล็กน้อย

1391840981-11DSC04295-o

เดินออกมาตามทาง จะเจอป้ายยักษ์อันโดดเด่นแบบนี้ แสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว

1391841041-12DSC04296-o

สำหรับการไป City Gate Outlet คือ พวกเราจะนั่งสาย S1 จากสนามบินไปสถานี MTR Tung Chung (City Gate Outlet อยู่ใกล้ๆกัน) ค่ารถ 3.5 HKD ใช้บัตร Octopus จ่ายได้ ใช้เวลาวิ่งประมาณ 10-15 นาที ฉันถ่ายภาพป้ายรถเมล์ไม่ทัน  รถมาพอดีเลยวิ่งขึ้นซะหอบ อ่อ ข้างในรถมีที่วางกระเป๋าใบใหญ่ สามารถวางกระเป๋าไว้ได้แล้วไปหาที่นั่งโลด

มาถึง City Gate Outlet ก็เที่ยงพอดี เลยแว็บไปหาอะไรกินที่  Food Republic  เป็นศูนย์อาหารอยู่ชั้น 3 ของห้าง สามารถใช้บัตร octopus ซื้ออาหารได้ เนื่องจากไปหาข้อมูลมาว่ามีให้ฝากกระเป๋าที่นี่ เลยลงไปฝากก่อนที่ชั้นใต้ดิน ปรากฎว่าเต็ม เพราะล็อกเกอร์มีค่อนข้างน้อย ประกอบกับนักท่องเที่ยววันนั้นมหาศาลมาก เลยต้องแบกกระเป๋าไปกินข้าวด้วยตามระเบียบ

1391841117-13DSC04303-o

เมนูแรกของฮ่องกง ข้าวมันไก่ ที่ได้รับการรีวิวมาแล้วว่าอร่อย ไฉนมันถึงออกมาได้ผิดหวังเยี่ยงนี้ สงสัยผิดข้าวมันไก่เป็นแน่แท้ 555 ดันโฟกัสที่ข้าวอีกตรู เวงกำ

1391841168-14DSC04308-o

คะแนนจานนี้ 0.5/5 ดาว

ไม่มีความอร่อยเลยซักนิด เป็นมื้อที่ผิดหวังที่สุดในทริปเลยก็ว่าได้ ไก่เย็นชืดและเค็ม ข้าวมันก็มันเกินไป ส่วนน้ำซุปนี่ไม่ต้องพูดถึง ชิมคำเดียวแล้วเลิกเลย โดนไป 43 HKD กินไม่ลงเลยจริงๆ  ต้องหันไปขโมยของคุณสำลีกินแทน 555

มายลโฉมเมนูของคุณสำลีที่นางอุตส่าห์ไปเลือกเฟ้นมา

1391841321-15DSC04310-o

คะแนนจานนี้ 2/5 ดาว

เมนูนี้พอไปได้ เป็นหมูผัดอะไรซักอย่างโปะข้าว แถมไก่ทอดเปรี๊ยวหวานเป็นกับแกล้ม ร้อนๆ กรอบๆ อร่อยใช้ได้ แต่เสี่ยงร้อนใน 555 ราคาเมนูนี้ตกที่ 45 HKD

สรุปคะแนนมื้อนี้ 2.6/5 ดาว แบ่งเป็น

ความอร่อย            1.25/5                   (คิดว่าแล้วแต่เมนูที่เลือก พอดีไม่ค่อยมีเซนส์เรื่องนี้ เศร้า)
สถานที่                   3.5/5                    (สะอาด กว้างขวาง มีที่ให้นั่งเยอะ)
การบริการ                 N/A                    (ลักษณะเป็นแบบศูนย์อาหาร คือบริการตัวเอง)
ราคา                           3/5                     (จริงๆตอนแรกคิดว่าแพง แต่ค้นพบแล้วว่าเป็นราคามาตรฐานฮ่องกง)

เนื่องจากที่ๆนั่งกินสามารถมองให้ terminal ที่ขึ้นกระเช้า Ngong Ping ได้ชัดเจน คนล้นหลามจนน่าตกใจ ล้นมาถึงบันไดทางขึ้น มองหน้ากับคุณสำลีว่าบ่ายนี้มีลำบากแน่ๆ

กินเสร็จลงไปลุ้นที่ล็อกเกอร์อีกรอบว่าพอดีที่ว่างๆไหม ปรากฎว่าเต็ม เลยเดินเข้าห้าง taste ไปซื้อสตอเบอร์รี่ กับน้ำเปล่ามาปลอบใจตัวเอง น้ำเปล่าที่นี่ถูกที่สุดเท่าที่เคยเห็นในฮ่องกงแล้ว ตกขวดละ 2.5 HKD ส่วนสตอเบอร์รี่ประมาณ 40 HKD ลูกเป้งมากเลย น้ำลายไหล

1391841651-16DSC04314-o

ที่นี่เค้าเอาถุงผ้ามาใส่ของกัน ใครขอถุงพลาสติกโดนอีก 0.5 HKD (โดนมาแล้ว) ช่วยโลกร้อนดี น่ารักมากๆ

จากนั้นก็แบกกระเป๋าถูลูถูกังกันไปต่อคิวซึ้อตั๋ว Ngong Ping อันแสนยาวเหยียด ไปถึงพบว่ามันมีช่องสำหรับคนที่ซื้อ Voucher มาก่อนล่วงหน้าโดยเฉพาะ แบบโล่งไม่มีคน เดินปรื๊ดเข้าไปเลย นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยืนต่ออยู่อีกแถวอยู่มองค้อนตาแทบกลับ บอกได้เลยว่าถ้าต้องยืนต่อแถวนี่ตีไปเลย 1-2 ชั่วโมง แถมต้องแบกกระเป๋าอีก อ๊วกก

ช่องสำหรับผู้มี Voucher โล่ง เดินสะดวก แต่ภาพเบลอ รีบเดินจัด

1391841872-17DSC04316-o

พวกเราต้องเอา Voucher ที่ซื้อมาไปแลกที่เคานท์เตอร์ก่อน แล้วจะได้ตั๋วจริง กับกำไลกระดาษให้ใส่ข้อมือไว้ไว้สำหรับแบบไปกลับ  แหมสีตัดกันจริงๆ ฮา

1391841906-1814598237-o

ข้ามชอตไปเล็กน้อย ที่กระเช้าก็มีที่ฝากกระเป๋าเหมือนกัน เพียงแต่แพงจนน่าตกใจ คือใบละ 70 HKD (ถ้าฝากที่ City Gate Outlet จะอยู่ที่ใบละ 20 HKD) แต่แนะนำให้ปาดน้ำตาฝากกระเป๋าไปเถอะ ไม่งั้นจะเที่ยวไม่สนุก เพราะต้องเดิน ขึ้นบันได้ไปไหว้พระ ถ่ายรูป ฯลฯ

1391842212-19DSC04429-o

กระเช้าจะมี  2 แบบ แบบธรรมดา 150 HKD กับ แบบคริสตัล 235 HKD (ราคาอ้างอิงจาก http://www.np360.com.hk/en/booking/np360-ticketing-information.html) ฉันซื้อ Voucher มาก่อนในราคา 650 บาท (ประมาณ 160 HKD) นอกจากจะไม่ต้องรอคิวแล้วยังถูกกว่ามาก แต่ต้องเช็คก่อนว่าช่วงที่มาปิดปรับปรุงไหม แล้วก็ต้องลุ้นกับที่ฝากกระเป๋าและสภาพอากาศเล็กน้อย

1391842267-20NgongPin-o

แบบคริสตัลจะต่างจากแบบธรรมดาตรงที่ว่าเป็นพื้นกระจกใส เรียกง่ายๆคือใสทั้งอัน แนะนำว่าไหนๆก็มาแล้วซื้อแบบใสไปเลย เห็นทะลุล่าง สะใจมาก

1391842371-21DSC02971-o

ขาไปได้นั่งรวมกับนักท่องเที่ยวชาวจีน 5 คน รวมพวกเรา 2 คน เป็น 7 คน (นั่งได้สบายๆ เพราะกระเช้าจุได้ 10 คน แต่จะออกท่าทางในการถ่ายรูปมากไม่ได้เท่านั้นเอง) จะมีช่วงที่สูงจากพื้นธรรมดา สลับกับช่วงที่สูงจากพื้นมาก คนที่กลัวความสูงอาจรู้สึกหวาดเสียวนิดๆได้

1391842482-DSC02690-o

กระเช้าค่อนข้างเยอะพอสมควร เว้นห่างเท่าๆกัน และเจ้าหน้าที่พยายามแบ่งคนในแต่ละกระเช้าเท่าๆกัน เห็นได้ว่ามีการจัดการที่ดีทีเดียว

1391842499-DSC02752-o

มองลงไปมีทางเดินด้วย แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินกี่ชั่วโมงถึงจะถึง เพราะขนาดนั่งกระเช้ายังประมาณ 30 นาที ถ้ามีโอกาสคงต้องลองซักตั้ง

1391842556-22DSC04345-o

ถึงหมูบ้านนองปิงแล้ว

1391842589-23DSC02818-o

ลักษณะเป็นลานกว้างๆเปิดโล่ง อากาศตอนนั้นกำลังร้อนสบาย ฮา รีบถ่ายรูปเหมือนหนาวแล้วถอดเสื้อกันหนาวและพร๊อพพัลวัน มองไปเห็นพระใหญ่ไกลลิบๆ

1391842638-24DSC02786-o

แถวนั้นมีร้านค้าอยู่ประปราย เซเว่นก็มากะเค้าด้วย ทำร้านซะน่ารัก

พูดถึงเซเว่นที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่มีประตูปิดเหมือนบ้านเรา มีแต่เสาอย่างเดียว คิดว่าคงเชื่อใจลูกค้าส่วนหนึ่ง แต่ไม่อยากจะคิดตอนอากาศร้อนๆ สงสารพนักงานเหมือนกัน

1391842669-25DSC04356-o

ทางนี้ก็มีสตาร์บัค แต่งร้านได้เข้ากับบรรยากาศทีเดียว

1391842695-26DSC04353-o

มีแผนที่ให้ดูด้วย แต่จริงๆเดินง่ายมาก ตามๆเค้าไป ไม่ต้องกลัวหลง ในป้ายบอก Wifi Available Here ไม่ได้ลองซะด้วยว่าจริงไหม

1391842733-27DSC02822-o

เดินไปเรื่อยๆจะผ่านประตูนี้ ดูสวยและยิ่งใหญ่มาก ชอบๆ

1391842812-28DSC04363-o

ทางขึ้นไปไหว้พระใหญ่ ยังกับทางขึ้นดอยสุเทพ บอกหนูทีว่ามันไม่จริง ถึงจังหวะนี้แอบคิดไปว่า ถ้าตอนนั้นงก ไม่ยอมฝากกระเป๋าที่สถานี แบกกระเป๋ามาถึงตรงนี้ คงไม่ขึ้นไปแน่ๆ

ที่นี่เค้ามีการจัดการดีมากๆ คือขึ้นกับลงคนละข้าง จะได้ไปในทิศทางเดียวกัน ผู้หญิงคนที่ยืนถ่ายรูปอยู่ตรงทางลงนี่ฉันเอง ไม่ได้สังเกตสังกาอะไรเลยไปยืนขวางทางลงชาวบ้านจนคุณสำลีต้องสะกิดบอก (= =^)

1391842847-29DSC02846-o

ในที่สุดก็ตะเกียกตะกายขึ้นไปถึง พอดีสะสมน้องมันไว้ที่พุงซะมากเลยค่อนข้างลำบาก T^T แต่ถ้าคุณๆผอมเพรียวแบบคุณสำลีนี่ก็เดินปลิวขึ้นไปเลย แชะ 1 ภาพ พยายามหามุมที่ไม่ย้อนแสง

1391842930-30DSC02887-o

ถ่ายรูปเสร็จก็ยืนไหว้พระขอพร (ควรจะทำก่อนจะถ่ายรูปนะ จริงๆแล้ว) คนไทยส่วนใหญ่ยืนพนมมือไหว้ปกติ แต่เห็นบางชาติ ยืนไหว้และก็ต้องลงไปนั่งคุกเข่า เอามือกับหน้าผากชนพื้น ยืน-นั่งๆๆ 3 ครั้ง เนื่องจากที่ๆเค้าจัดให้ค่อนข้างน้อย นั่งท่องเที่ยวก็เยอะ จังหวะก้มลงไปเกือบจะชนเด็กน้อยกระเด็นตกบันได ลำบากแท้ =.= แต่ว่าไม่ได้เพราะเป็นประเพณีของเขา

ถ้าเทียบกับคนข้างล่างจะเห็นว่าพระใหญ่นี่ใหญ่ทีเดียว สามารถขึ้นไปเดินรับลม  (แถมแดด) ตรงระเบียงข้างบนได้ค่ะ แต่พวกเราไม่ได้เข้าฐานพระ เพราะได้ข่าวว่าค่าเข้า 40 HKD งั้นเดินข้างบนอย่างเดียวแล้วกัน 555

โอ้เอ้ถ่ายรูปอยู่ข้างบนเล็กน้อย จริงๆยังมีอีก 1 วัดอยู่ใกล้ๆแต่ปิดปรับปรุง เลยชวนกันเดินกลับ

ตอนต่อแถวขึ้นกระเช้าขากลับ เห็นได้ชัดว่าจำนวนคนขึ้นกระเช้าธรรมดามากกว่ากระเช้าคริสตัลนั้นต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของกระเช้าคริสตัล ตอนแรกคณะเรามายืนต่อแค่ 2 คน ไม่นานกระเช้าก็มา พวกเราขึ้นไปนั่งกันก่อน แล้วก็มีอาเจ๊มายืนต่อคิวในระหว่างที่กระเช้าค่อยๆเลื่อนออก นึกว่าเจ้าหน้าที่จะเปิดให้เจ๊ๆมานั่งด้วยเพราะของเค้าก็มีแค่ 2 คน แต่ก็ไม่ ลุ้นแทบตาย สรุปว่า ขากลับคนค่อนข้างน้อย เค้าเลยจัด 1 กระเช้า ต่อ 1 คณะท่องเที่ยว เลยเริงร่าซะ เปิดกระจกให้ลมเข้า ลงไปนอน ปีนป่ายจนกระเช้าส่าย คนในกระเช้าที่สวนมามองแบบงงๆ (เด็กๆไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง)

1391842993-31IMG2020-o

วิวส้มๆยามบ่าย

1391843037-DSC02983-o

สรุปคะแนน กระเช้า + หมู่บ้าง Ngong Ping + ไหว้พระใหญ่

4/5 ดาว

ค่อนข้างประทับใจกระเช้าโดยเฉพาะขากลับที่ได้นั่งมา 2 คน กระโดดโลดเต้นกันจนคุ้ม 650 บาทที่เสียไป วิวสวยและใช้เวลาพอสมควร ไปกลับอยู่ที่ 1 ชม. (ดังนั้นควรเผื่อเวลาทั้งหมดรวมเดินชมอย่างน้อย 2 ชม.) เจ้าหน้าที่บริการดี สุภาพ ดีที่ซื้อ Voucher มา ไม่งั้นให้ยืนต่อแถวเป็นชั่วโมงก็คงนอยเหมือนกัน หมู่บ้านนองปิงแม้จะไม่ค่อยมีของขายหรือกิจกรรมให้ทำมากนัก แต่ดูใหญ่โต ขาวสะอาดตา จะดีกว่านี้มากๆถ้าไปช่วงคนไม่เยอะ การขึ้นไปไหว้พระใหญ่รู้สึกได้ออกกำลังกายดีมาก คิดว่าคนที่ศรัทธามากคงจะชอบแน่ๆ ขอตัดคะแนนหนักที่สุดตรงราคาที่ฝากกระเป๋า ส่วนตัวเห็นว่าซัก 30 HKD ต่อคนกำลังดี ดูไม่น่าเกลียดเกินไป 70 HKD (x4 นี่มันเกือบ 300 บาทต่อคนเลยนะ) ขโมยเงินกันชัดๆ แง

พอไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ และเข้าห้องน้ำเรียบร้อย ก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ แต่ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมทิชชู่เปียกไว้ตั้งแต่ตอนเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นกระเช้า มันหายไป ไม่ได้อยู่ที่เดิมที่วางลืมไว้ (แน่สิหล่อน มันผ่านมา 2 ชั่วโมงกว่าๆแล้วนะ) เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ แล้วนึกขึ้นได้ว่าคงไม่อยู่หรอก เลยบอก never mind ประทับใจตรงเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือดีมาก บอกว่าจะลองหา walky talky ไปถามแม่บ้านที่ทำความสะอาด ถามเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ ณ ขณะนั้น คือแบบโอเว่อร์มาก ประหนึ่งของสำคัญหาย ตอนไม่เจอก็ทำหน้าแบบเศร้ามาก น่าร๊าก 555 พวกเราเลยออกเดินทางไปที่สถานที่ MTR  Tung Chung ที่อยู่บริเวณนั้นเพื่อมุ่งหน้าไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรมโดยไร้ทิชชู่เปียก สงสารน้องก้นจัง

1391843383-33DSC02997-o

จุดหมายต่อไปคือสถานี Tsim Sha Tsui ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ค่าโดยสาร 15.3 HKD ประหลาดใจที่รถไฟฟ้าที่นี่ ลมเข้าได้ เย็นมาก ต้องเอาเสื้อกันหนาวขึ้นมาใส่อีกรอบ ที่น่าแปลกใจอีกอย่างคือ ที่นี่คนคุยกันในรถไฟฟ้าเสียงดังมาก ตะโกนคุยกันเหมือนยืนห่างกันเป็นเมตรทั้งๆที่หน้าแทบจะติดกัน พวกเราเลยเอามั่ง ลองตะโกนคุยกับคุณสำลีเล่นๆ ดูกลมกลืนพิกล แต่ไม่รู้ว่านักท่องเที่ยวชาวไทยคนอื่นจะคิดยังไง (ตอนทำลืมคิด)

รถไฟฟ้าของเค้าค่อนข้างจะเก่ากว่าของเรา แต่เข้าถึงทุกซอกทุกมุมกว่า คนใช้เยอะมาก ยิ่งในช่วง prime time นี่ไม่ต้องพูดถึง เบียดกันเป็นปลากระป๋องเหมือนที่ไทยเป๊ะ แต่ฉันว่ายังเบียดไม่เท่าของเรา เพราะที่นี่ขบวนยาวกว่า มาถี่กว่า คือทิ้งช่วงแค่ 2 นาทีหรือน้อยกว่านั้น ที่เห็นว่ามีสีแดงทาทับเหล็กไว้ พิสูจน์มาแล้วว่ามันจะอุ่นกว่าจับที่เหล็ก

1391843440-34DSC03321-o

มี multi purpose space สำหรับรถเข็น หรือยืนธรรมดา เอาเก้าอี้ออกแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ยืนได้เยอะขึ้น

1391843468-35DSC04672-o

มี priority seat ชัดเจนสำหรับเด็ก คนชรา คนท้อง ประเทศไทยน่าจะเอามาทำบ้างนะ รู้สึกอนาถใจทุกครั้งที่ไม่มีใครลุกให้เด็กหรือคนแก่นั่ง

1391843515-36DSC05743-o

ในสถานี MTR นี่มีของขายเยอะจริงๆ ทั้งร้านเค้กสวยๆ ร้านน้ำมะม่วง ฯลฯ ที่นี่เห็นจะนิยมมะม่วงอย่างที่เขาลือกัน อะไรๆก็เป็นมะม่วง น้ำยายไหย

1391843571-38DSC05748-o

พอมาถึงสถานี Tsim Sha Tsui ภารกิจต่อไปคือการหาโรงแรมให้เจอ โรงแรมที่จองไว้ชื่อว่า Hop Inn อยู่ที่ถนน Carnavon จากที่ดูรีวิวมาคือให้ออกที่ Exit A2 Humphreys Avenue เดินตรงมาเรื่อย ๆ จนเจอสี่แยกเล็ก ๆ มองตรงมาจะเห็น 7-11 เดินผ่าน 7-11 ไปนิดนึง ก็จะเจอทางเข้าตัวอาคาร

จริงๆฉันปริ๊นท์รูปทางเข้าตัวอาคารไป แต่เค้าคงปรับปรุง มันเลยไม่เหมือนกับในรูปที่เอาไป รู้สึกชีวิตลำบากมากที่ต้องหิ้วกระเป๋าเดินหาโรงแรม อันนี้เป็นอีกข้อหนึ่งที่รู้สึกพลาด คือซื้อกระเป๋าแบบหิ้ว ที่ถูกต้องควรเป็นแบบสะพาย หรือลาก จะลำบากน้อยกว่านี้เยอะ

ภาพนี้เป็นตัวทางเข้าอาคาร เดินผ่าน 7-11 ไปนิดส์นึงจริงๆ จะเป็นประตูเหล็กแบบนี้

1391843604-39DSC05146-o

ข้างในมีลิฟต์สองตัวซึ่งมีความเร็วประมาณน้องๆหอยทาก แบ่งขึ้นชั้นคู่กับชั้นคี่ ต้องขึ้นตัวขวาสำหรับชั้นคี่ ไปที่ชั้น 9

1391843643-40DSC05282-o

ถึงแล้ว  Hop Inn สังเกตว่าที่นี่ติ๊ดส์มาก จะมีรูปวาด มีการขีดเขียนทุกตารางนิ้ว

1391843676-41DSC05136-o

ก่อนอื่นไปชมห้อง Common Room กันก่อนเลย ซึ่งปกติจะไม่มีคน (ออกไปเที่ยวกันหมด) ตรงนี้จะมีห้องน้ำ มีหนังสือให้ยืมอ่าน มีเครื่องดืมขาย และเด็ดสุดคือมีน้ำเปล่าให้กรอกฟรี สวรรค์

1391843717-42DSC05129-o

มีแผนที่ MTR แบบน่ารักๆวาดไว้ตรงกำแพง

1391843741-43DSC05726-o

เดินออกไปที่ระเบียง มีชุดโต๊ะเก้าอี้น่ารักๆให้ไปนั่งชมวิวตึกสูงเล่นยามค่ำคืน

1391843767-44DSC03309-o

ที่นี่เค้าให้จ่ายมัดจำไปล่วงหน้า 10% พอไปถึง เอา passport ให้เจ้ที่ดูแล hostel ชำระเงินที่เหลือ แล้วเค้าจะบอกรหัสเข้าประตูเหล็กข้างล่างซึ่งจะปิดหลังเวลาสี่ทุ่ม (ต้องจำไว้ให้แม่น) รหัส Wifi ให้กุญแจห้องพร้อมคีย์การ์ด (เท่มาก ใช้ซิมแปะเอาไว้เหมือนมือถือเลย แต่ลืมถ่ายมา 555) เราสามารถยืมหัวปล็ก converter ได้โดยมัดจำไว้แค่ 10 HKD แถมยังยืมไดร์เป่าผมได้อีกด้วย

เจ้สุดสวยนำพวกเราไปยังห้องที่จองมา เปิดผลั๊วะเข้าไปรู้สึกว่าที่จินตนาการไว้ว่ามันต้องแคบ ทำไมมันแคบงี้เนี่ย ดีนะที่ทำใจมา ที่กำแพงจะมีลวดลายวาดอยู่ทุกห้อง มีห้องน้ำในตัว ทีวี(ที่แขวนไว้บนหัวเพื่อประหยัดเนื้อที่และมีแต่ภาษาจีน) outlet แค่ 2 (ฉะนั้นปลั๊กพ่วงจะมีประโยชน์มาก) ไม้แขวน 3 อัน สบู่ แชมพู ผ้าขนหนูและผ้าเช็ดหน้าพร้อม ถ้าต้องการเปลี่ยนและทำความสะอาดห้องต้องไปแจ้งที่เคาน์เตอร์ไว้ทุกเช้า ไม่งั้นเค้าจะไม่แตะห้องเรา ที่นี่มีน้ำอุ่น แต่ต้องเปิดวอร์มไว้ก่อนประมาณ 10  นาที (มันจะมีสวิชท์อยู่ข้างๆ เจ้จะบอกคุณเอง)

1391843802-45DSC04435-o

ลืมถ่ายเตียง พอดีรีบและทำเละ ขอข้ามไปโชว์ห้องน้ำเลย ห้องน้ำที่นี่ฉันไม่ชอบใจตรงที่ว่าเป็นกระจกใส ต้องเอาม่าน ที่จะสั้นไปไหน ปิดเอา เล็ก ขยับตัวลำบาก (ที่ล้างมือและชักโครกสามารถเบียดอยู่ด้วยกันอย่างมหัศจรรย์มาก) และหวาบหวิว -.-

1391843831-46DSC05711-o

สรุปคะแนน Hop Inn

ให้ 3/5 ดาว

ชอบที่สุดตรงที่มีน้ำเปล่าให้ พนักงานสุภาพและบริการดี พูดภาษาอังกฤษได้ ตอบอีเมลเร็วมาก มีทุกอย่างให้หยิบยืม Wifi ฟรี สะอาด ตกแต่งได้อย่างมีศิลปะ ข้อเสียคือเล็ก แคบ ประมาณห้องแค่เนี้ยหรอคืนละเกือบ 2,000 บาท (แต่ก็ธรรมดาสำหรับฮ่องกง) ห้องน้ำหวาบหวิวไป คนไทยส่วนใหญ่ทำใจไม่ค่อยได้ชัวร์ น้ำไหลไม่ค่อยแรง หนาวนิดนุงตอบอาบน้ำ อีกอย่าง ลิฟต์ที่ขึ้นมา เก่าและช้ามากๆ กลัวมันรับน้ำหนักอิฉันไม่ไหว 555

โปรแกรมต่อไปคือการรับประทานอาหารเย็นที่ Sweet Dynasty ร้านดังในหมู่คนไทย พอดีว่าเค้าย้ายร้านไปอีกที่ วิธีการไปไม่ยาก ให้เดินไปตามถนนไฮฟง (Haiphong Road) เรื่อย ๆ ทางขวามือจะเป็น Kowloon Park (สวนสาธารณะเกาลูน) เข้าซอยซ้ายมือที่ 2 ชื่อซอยฮันเกา ไปประมาณ 30 เมตรอยู่ซ้ายมือ (Hankow) จะเป็นบันไดเลื่อนลงไปชั้นใต้ดิน เมนูแนะนำคือ ไก่ทอดเกลือ, ก๋วยเตี๋ยวหลอดหมูแดง, บะหมี่เกี๊ยว, พุดดิ้งมะม่วง, เต้าฮวย (ห้ามสั่งบะหมี่ราดหน้าเนื้อ อันนี้รีวิวบอกมาว่าไม่อร่อย)

1391844116-47DSC04447-o

บรรยากาศในร้านดูทึมทึบชอบกล คิดว่าเพราะอยู่ชั้นใต้ดิน ไม่มีแสงเข้า

1391844154-48DSC04452-o

เดินเข้าไปมีคนอยู่ประปราย ที่สำคัญมีคนฮ่องกงด้วย ฉันเลยยิ่งกระหยิ่มใจว่าต้องได้ของที่อร่อยและราคาสมเหตุสมผลแก้มือมื้อกลางวันแน่นอน พนักงานรีบกุลีกุจอจัดให้นั่งโต๊ะเล็กๆ เล็กมาก โต๊ะใหญ่จะเหลือไว้ทำไมตั้งหลายโต๊ะ พนักงานเอาชาร้อนมาเสริฟโดยไม่ได้สั่ง ฉันก็นึก เออ ดีเนอะ แถมชาด้วย ที่นี่พนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องพึ่งตัวเองกับเมนูล้วนๆ

1391844181-49DSC04456-o

เปิดเมนูมา อะจึ๋ย ทำไมมันแพงบรรลัยขนาดนี้ ปาดเหงื่อจิ้มมาได้สำเร็จ 2 อย่าง

จานนี้ไก่ทอดเกลือ มาพร้อมมะนาวกับเกลืออีกถ้วยข้างๆ จานใหญ่มากกกกก จำราคาไม่ได้จริงๆ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 80-100 HKD

1391844210-50DSC04461-o

คะแนนจานนี้ 2/5 

ความคิดเห็นส่วนตัวคือเค็มค่อดดดดดดด (ก็มันทอดเกลือ) ทำเกลือหกลงไปหรือเปล่าคะพ่อครัว มะนาวที่ให้มาบีบแล้วไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่นัก แต่บางคนอาจชอบ กินเดี่ยวๆไม่ไหว ต้องซัดข้าวผัดตาม แต่ปรุงสุกใหม่ ร้อนๆดี

จานที่สองคือข้าวผัดปลาเค็มพร้อมกุ้งตัวเด้งๆ ราคาน่าคบหาขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 40-50 HKD

1391844241-51DSC04459-o

คะแนนจานนี้ 3.5/5 ดาว

ประทับใจมากกว่าจานที่แล้วนิดนึง ไม่ได้เค็มมาก ผักที่ผัดมาด้วยระบุแน่ชัดไม่ได้ว่าเป็นผักอะไร ไม่ใช่แตงกวาเป็นพอ 555  กุ้งให้มาประมาณ 7-8 ตัว ถือว่าโอเคอยู่

ไม่ไหวกับของคาว สั่งของหวานมาย้อมใจ เมนูแรกคือเต้าฮวยราดด้วยน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทรายแดง ที่เคยดูรีวิวไว้ว่ามันจะมาเป็นถังไม้ ควันฉุย น่ากินขนาดฝันถึง แต่มากันแค่ 2 คนก็เป็นถ้วยไปก่อนละกันนะ ตกอยู่ที่ประมาณ 20 HKD จริงๆแล้วสามารถเพิ่มเครื่องข้างบนได้อีก แต่อยากกินแบบดั้งเดิม เลยจัดเปล่าๆมา

1391844289-52DSC04468-o

เมนูนี้ให้ 3/5 ดาว

อาจจะเป็นเพราะหวังไว้เยอะ กินแล้วมันไม่ฟินเหมือนจินตนาการ เต้าฮวยร้อนไม่พอ น้ำเชื่อมใส่มาน้อยเกินไป และน้ำเยอะ(มาจากเต้าฮวย) เลยทำให้จืด ประกอบกับกินเทียบเคียงกับอีกเมนูที่หวานกว่าเลยจืดเข้าไปใหญ่ เนื้อเต้าฮวยไม่กระด้างจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดนิ่มนวลละออผ่องแพ้วชวนถวิลหา

ที่สั่งมาคู่กันก็คือ พุดดิ้งมะม่วง ราคาประมาณ 30 HKD เป็นพุดดิ้งผสมเนื้อมะม่วง มีมะม่วงชิ้นวางเคียงกันมา ราดนมสดคล้ายคาร์เนชั่น

1391845487-1781255101-o

เมนูนี้จัดไป 4/5 ดาว

อร่อย ฟิน ลืมความทุกข์จาก 3 เมนูที่แล้วได้ดีพอสมควร กลายเป็นว่าฉันจกแต่เมนูนี้ ให้คุณสำลีจัดการเต้าฮวยไป อะฮิๆ

จากการคำนวณคร่าวๆที่โต๊ะไม่น่าจะประมาณ 200 HKD นิดๆ (800-900 บาท) ถือว่าแพงเหมือนกัน แต่พอเดินไปจ่ายเงิน 283 HKD แม่เจ้า มาจากไหนอีก 80 เหรียญ สรุปคือ น้ำชาเมื่อกี้บังคับซื้อไปแล้ว 16 HKD แล้วก็ service charge อีก 15% (บริการอารายตรู ถามโหน่ย พอใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักพนักงานเลยไม่ค่อยอยากมาสุงสิงด้วย หลายครั้งที่โบกจนมือแทบหงิกเพื่อสั่งอาหาร) ด้วยความแค้น เลยเดินไปเข้าห้องน้ำมันซะเลย ค้นพบว่าหลังร้านนี่สกปรกมาก T^T เมื่อกี้ใช้สถานที่นี้ในการปรุงอาหารให้พวกเราใช้ม๊าย รำพันอยู่คนเดียว

สรุปคะแนนมื้อนี้ 2.4/5 ดาว (กรี๊ด ย่อยยับกว่าตอนกลางวันอีก) แบ่งเป็น

ความอร่อย            3/5         (ดีที่มีพุดดิ้งมะม่วงดึง mean ขึ้น แต่ไก่ทอดเกลืออ่ะ เมนูแนะนะเลยนะ ผิดหวังจัง)
สถานที่                 3.5/5       (ครัวสกปรกมาก บรรยากาศค่อนข้างอืมครึม)
การบริการ            1/5          (ชาร์ตแพงไป พนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หน้าตาไม่รับแขก)
ราคา                       2/5          (แพงแบบหาเหตุผลความอร่อยไม่เจอในบางเมนู)

หลังจากเดินคอตกออกมาจากร้าน เป้าหมายตอนไปของพวกเราคือการไปจองที่เพื่อดู SOL(Symphony of Light) เริ่มจากเดินลงใต้ดิน ทะลุผ่าน Space Museum ออกมาเจอวิวตึกยามค่ำคืนเลย สวยงามประทับใจ

1391845561-DSC03087-o

การแสดงนี้เป็นการแสดงแสงสีโดยใช้ตึกสำคัญๆต่างๆจากฝั่งฮ่องกง โดยพวกเราจะยืนดูกันที่ฝั่งเกาลูน การแสดงจะเริ่มประมาณ 20.00 น. ฉันไปถึงตอนประมาณ 19.00 น. ว่าจะไปดู Avenue of Stars ซักครึ่งชั่วโมงก่อนจับจองที่ถ่ายรูป แต่คุณสำลีไม่พูดพร่ำทำเพลงชักขาตั้งกล้องออกมากาง แหงะ นางกลัวว่าคนเยอะแล้วจะไม่มีที่ว่างให้กล้องของนางแทรกไป จุดที่แนะนำคือหน้าร้านที่ขายของที่ระลึกของ Avenue of Stars หรือหน้าโรงแรม Inter Continental แต่เห็นคนไปจองที่หน้าพิพิธภัณฑ์หรืออะไรซักอย่าง (ตึกสีขาว) ถ้าไปยืนตรงนั้น อาจจะไม่เห็นไอเจ้าตึกสีขาวที่เป็นหนึ่งในตัวเด่นได้ ระหว่างรอการแสดง มองไปเห็นลุงคนหนึ่งทุ่มเทมาก สังเกตเสื้อกันหนาวสีน้ำเงิน ประทับใจกับฟังก์ชั่น manual zoom ของเฮียแก

1391845590-54DSC04496-o

สองทุ่มตรง การแสดงได้เริ่มขึ้น พอดีว่าเป็นภาษาจีน ฟังไม่รู้เรื่องเลยเดาๆเอา เริ่มจากการแนะนำตึกต่างๆก่อน แล้วก็เริ่มยิงแสงใส่กันอย่างเมามันตามเพลง ลมหนาวพัดแรงมาก ปากสั่นเลยทีเดียว มีพร๊อพเท่าไหร่ต้องประโคมใส่ให้หมดจังหวะนี้

วันนี้หมอกค่อนข้างเยอะ แสงที่ออกมาเลยไม่คมชัดมาก แต่ก็น่าดูไปอีกแบบ

1391845643-DSC03138-o

ระยะเวลาของการแสดงคือ 15 นาที จากนั้นฝูงชนก็เริ่มสลายโต๋แยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว แต่อยู่ดีๆก็มีสำเภาแดงโผล่มาให้ฮือฮากัน สวยเชียว

1391845668-55DSC04553-o

ภารกิจต่อไปคือการเที่ยวชม Avenue of Stars แต่ก่อนอื่นขอหาปลาหมึกบดแสนอร่อยในตำนานกินก่อน แผงขายนี่แหววไปไหมอ่ะ

1391845713-56DSC04575-o

กระบวนการของเค้าคือจะเอาปลาหมึกสดทั้งตัว (ใหญ่พอสมควร) เข้าเครื่องอบ หนีบไว้ซักพักแล้วเอาออกมาเข้าเครื่องที่หมุนแล้วทำให้ปลาหมึกเป็นหยักๆ หอมน่ากินชะมัด

1391845801-57DSC04577-o

ได้มาแว้ว ในราคา 30 HKD

1391845826-58DSC04582-o

ปลาหมึกชิ้นนี้เอาไป 3/5 ดาว

เหตุเกิดเพราะว่าอากาศหนาว หรือชิ้นนี้มันคงตากลมมาซักระยะเวลาหนึ่ง ถึงได้เย็นชืดขนาดนั้น เลยไม่ค่อยฟินเท่าที่จินตนาการ แต่เซนส์ได้ว่า ถ้ากินตอนร้อนๆคงอร่อยน่าดู ฉะนั้นถ้าใครจะไปโดนเมนูนี้อย่าลืมเน้นกับคนขายด้วยว่า Hotๆ นะเพ่

ต่อไปเป็นการเที่ยวชม Avenue of Stars ยามค่ำคืน แย่งชาวจีนถ่ายรูปไปด้วย กินปลาหมึกบดไปด้วย มีความสุขเสียนี้กระไร เริ่มด้วยเธอคนนี้ เธอเป็นใครก็ไม่รู้ แต่ชุดเธอเริ่ดนัก พันบนล่างด้วยแผ่นฟิลม์ เว้นที่ให้หวาบหวิวเล่น

1391845853-59DSC03224-o

บรู๊ซ ลี (ใช่ไหม?) ยืนอย่างเท่

1391845891-60DSC03211-o

รอยมือดาราประทับไว้บนพื้น

1391845929-61DSC04574-o

จุดที่ไม่ชอบอย่างหนึ่งคือนักท่องเที่ยวจีนเยอะมาก และเค้าจะไม่ค่อยเกรงใจเวลาถ่ายรูป ยิ่งจุดที่ popular มากๆนี่รอแล้วรออีก แอ๊คประมาณ 3 ท่าเป็นอย่างต่ำ พอฉันได้คิวกำลังตั้งท่าจะถ่าย เดินเข้ามาจอยด้วยเฉย ฉันเลยต้องเดินออกไปอย่างงงๆโดยที่ไม่ได้ภาพซักใบ เคืองแค้นมาก

เดินวนไปวนมา ลมก็พัดมาจนสั่นสะท้าน คุณสำลีเกิดอยากเป็นพระเอกมิวสิกวีดีโอแถวปากอ่าวฮ่องกงซะงั้น อยากจะไปโต้ลมหนาวนานๆก็จัดไป

1391845963-62DSC04561-o

ตัวชา หน้าชากันพอสมควรก็ได้เวลาเดินกลับ เยื้องๆกับ space museum มีหอนาฬิกาตั้งอยู่ มีสระน้ำอยู่ข้างหน้าด้วย โรแมนติกเชียว

1391846010-DSC03243-o

สรุปคะแนน Symphony of Light + Avenue of Starts + หอนาฬิกา

4/5 ดาว

ถึงแสงสีเสียงของ SOL จะไม่ได้อลังการงานสร้างมาก (มียิงๆอยู่แค่ไม่กี่เส้นจนจับจุดได้) แต่ฉันประทับใจการใช้ประโยชน์จากตึกต่างๆให้เล่นแสงสีให้เข้ากัน แสดงได้ถึงการจัดการประสานงานที่ดี จนอยากรู้จริงๆว่าแผง control ทั้งหมดอยู่ที่ไหน (จริงๆมีตัวอย่างให้เห็นตั้งแต่บัตร Octopus แล้วที่ใช้ได้กับทุกการขนส่งในประเทศ) Avenue of Stars ถึงจะคนเยอะและไม่ค่อยมีอะไรมากแต่ชอบที่ลมพัดตลอดเวลา หนาวสะใจ อีกทั้งวิวตึกอีกฝั่งนี่ไม่ธรรมดาเลย ส่วนหอนาฬิกา มีการเล่นไฟที่โรแมนติดดี ชอบเป็นการส่วนตัว

สถานที่ต่อไป ถือว่าแว็บไปเที่ยวเล่น ไม่ได้ตั้งใจไปมาก แต่ญาติบอกว่ามีการตกแต่งเนื่องในเทศกาลคริสมาสต์อยู่ เลยลองไปดูซักหน่อย 1881 heritage โดยวันนั้นเป็นวันรับปริญญาของบางมหาลัยที่นั่น มีบัณฑิตมาถ่ายรูปที่นี่กันตรึม

1391847283-63DSC04600-o

ฉันรู้สึกปวดห้องน้ำ เลยวิ่งไปเข้าห้องน้ำในตัวตึก ข้างในเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์อะไรซักอย่าง สวยดี หยุดดูจนลืมว่าปวดห้องน้ำอยู่ จริงๆแค่บันไดที่ขึ้นมาก็เริ่ดแล้ว

1391846794-64DSC04603-o

ออกมาปีนเสายักษ์ ขึ้นมุมสูงถ่ายรูปกันต่อ มีต้นไม้อยู่ข้างบนต้นเบ่อเริ่มเลย

1391846833-65DSC04607-o

ได้กระดิ่งยักษ์เปลี่ยนสีได้มาหนึ่งอัน สวยจริงๆ

1391847379-66DSC04618-o

ได้ต้นคริสมาสต์เปลี่ยนสีได้อีกหนึ่งอัน ม่วงซะ

1391847598-67DSC04619-o

สรุปคะแนน 1881 Heritage

3/5 ดาว

ถือเป็นสถานที่โรแมนติกที่เหมาะมาเดินกระจุ๋งกระจิ๋งกับคนรู้ใจทีเดียว แต่คุณสำลีตั้งใจรัวชัตเตอร์เข้าโลกส่วนตัวไม่สนใจเก๊าเลย 555 ฉันไม่รู้ว่าเค้าจะตกแต่งช่วงไหนบ้าง แต่ถ้าประมาณคริสมาสต์ ที่นี่สวยดี ใช้เวลาเดินไม่มาก (ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงชั่วโมงก็ทั่วแล้ว) เพราะไม่มีกิจกรรมอื่นอะไรให้ทำนอกจากถ่ายรูปและทอดอารมณ์

ตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่มครึ่งแล้ว จริงๆตามกำหนดการมันต้องไปมงก๊กต่อ แต่ฉันเริ่มคุยไม่รู้เรื่อง หงุดหงิด ฟาดงวงฟาดกีบ (เป็นเด็กอนามัย ต้องนอนก่อน 5 ทุ่ม) คุณสำลีเลยพากลับโรงแรมด่วนเพราะกลัวเผลอไปทำร้ายใคร (จริงๆทำร้ายแต่นางละน้า ฮา) เลยจบวันที่ 1 แค่นี้

ตามไปเที่ยวกันต่อใน post หน้า 😉

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*